“ดาวโจนส์” ปิดร่วง 972 จุด ผวาทรัมป์โจมตีเฟด-กังวลอิสระธนาคารกลาง

ดาวโจนส์ร่วง 971 จุด นักลงทุนผวาทรัมป์โจมตีเฟด-กังวลเสรีภาพธนาคารกลางท่ามกลางสงครามการค้า


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบเมื่อวันจันทร์ (21 เม.ย.) ดัชนีปิดร่วงอย่างหนัก 971.82 จุด หรือ 2.48% ปิดที่ 38,170.41 จุด, ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 124.50 จุด หรือ 2.36% ปิดที่ 5,158.20 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลดลง 415.55 จุด หรือ 2.55% ปิดที่ 15,870.90 จุด

สำหรับหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีขนาดใหญ่ “Magnificent Seven” หรือ 7 นางฟ้า เป็นกลุ่มที่ถ่วงดัชนี Nasdaq มากที่สุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดต่ำกว่าจุดสูงสุดเมื่อวันที่ 19 ก.พ. ไปแล้ว มากถึง 16% ซึ่งหากลดลงถึง 20% จะเข้าสู่ภาวะตลาดหมี

ด้าน ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้โพสต์ข้อความลงบนแพลตฟอร์ม Truth Social เมื่อวานนี้ว่า “เศรษฐกิจจะชะลอตัวลง นอกเสียจากว่าพาวเวลจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงทันที” ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวบ่งชี้ว่าปธน.ทรัมป์ยังคงกดดันพาวเวล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เขาขู่ว่าจะปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟดหากไม่ยอมปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามคำเรียกร้อง

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังแสดงความไม่พอใจที่พาวเวลกล่าวว่า มาตรการภาษีศุลกากรของเขาจะทำให้เงินเฟ้อปรับตัวสูงขึ้น และส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานของสหรัฐฯ

ด้าน นายเอริก ลอมบาร์ด รัฐมนตรีคลังฝรั่งเศสเตือนว่า ความน่าเชื่อถือของสกุลเงินดอลลาร์จะตกอยู่ในความเสี่ยงมากขึ้น และเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะอยู่ในภาวะไร้เสถียรภาพ หากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ปลดพาวเวลออกจากตำแหน่งประธานเฟด

ขณะที่ความขัดแย้งทางการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ก็ทวีความรุนแรงมากขึ้น และยังเป็นอีกปัจจัยที่สร้างแรงกดดันต่อตลาด หลังจีนประกาศเตือนประเทศอื่น ๆ ไม่ให้ทำข้อตกลงกับสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างความเสียหายต่อผลประโยชน์ของจีน หากประเทศใดเลือกแนวทางดังกล่าว จีนก็จะดำเนินมาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด นับเป็นการเติมเชื้อไฟให้กับสงครามภาษีระหว่าง 2 ชาติเศรษฐกิจใหญ่ของโลก

นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาผลประกอบการไตรมาสแรกของบริษัทหลายแห่งที่เผยงบการงบในสัปดาห์นี้ หลังได้มีการเริ่มรายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สำหรับบริษัทที่จะรายงานงบการเงินในสัปดาห์นี้ ได้แก่ Tesla, Alphabet, Boeing, Northrop Grumman, Lockheed Martin และ 3M

ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าผลกำไรรวมของบริษัทในดัชนี S&P 500 จะเติบโต 8.1% เมื่อเทียบรายปี ลดลงจากการคาดการณ์เดิมเมื่อช่วงต้นไตรมาส ซึ่งคาดไว้ที่ 12.2%

Back to top button