“บอนด์ยีลด์” ร่วงต่ำ 4.4% หวั่น “เฟด” ถูกแทรกแซงลดดอกเบี้ย

“บอนด์ยีลด์ 10 ปี” ลดลงแตะ 4.399% นักลงทุนกังวลความเป็นอิสระของเฟด หลังทรัมป์กดดันลดดอกเบี้ย ขณะที่ “จีน” ขู่ตอบโต้หากประเทศใดจับมือสหรัฐทำลายผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4.399% ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปีอยู่ที่ 4.884% ณ เวลา 19:13 น. ตามเวลาไทย สะท้อนความกังวลของตลาดต่อความขัดแย้งทางการค้าระหว่างสหรัฐกับจีน และความไม่แน่นอนต่อความเป็นอิสระของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

โดยบรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากท่าทีแข็งกร้าวของจีนที่เตือนนานาชาติไม่ให้จับมือกับสหรัฐในข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่อาจกระทบผลประโยชน์ของจีน พร้อมประกาศจะใช้มาตรการตอบโต้อย่างเด็ดขาด ขณะเดียวกัน นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งออกมาเรียกร้องให้ประธานเฟด เจอโรม พาวเวล ปรับลดอัตราดอกเบี้ยตามธนาคารกลางยุโรป และมีรายงานว่าทำเนียบขาวกำลังพิจารณาการถอดถอนนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง

ขณะที่ความตึงเครียดเพิ่มขึ้นหลังนายพาวเวลให้ความเห็นว่า นโยบายภาษีของรัฐบาลสหรัฐอาจทำให้เงินเฟ้อเร่งตัว และกระทบต่อการเติบโตของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน สร้างความไม่พอใจแก่ประธานาธิบดีอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ รายงานจากมูดี้ส์ อนาลิติกส์ ระบุว่า นักลงทุนญี่ปุ่นได้ทยอยขายพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอย่างจำกัด โดยกระทรวงการคลังญี่ปุ่นเปิดเผยว่านักลงทุนสถาบันของญี่ปุ่นขายสุทธิพันธบัตรต่างชาติระยะยาวมูลค่า 3.1 ล้านล้านเยน (ราว 2.1 หมื่นล้านดอลลาร์) ระหว่างวันที่ 30 มีนาคม ถึง 12 เมษายน แต่ยอดขายดังกล่าวยังไม่เพียงพออธิบายแรงเทขายที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ดี พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งมักถูกมองว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เริ่มเผชิญแรงเทขายรุนแรงในช่วงสัปดาห์ที่ 2 ของเดือนเมษายน โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดที่ 4.592% ในวันที่ 11 เมษายน ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่พันธบัตรอายุ 30 ปี ขยับแตะระดับสูงสุดตั้งแต่พฤศจิกายน 2566 ในวันที่ 9 เมษายนที่ผ่านมา โดยข้อมูลจาก LSEG ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐปรับขึ้นถึง 0.50% ภายในระยะเวลาเพียง 5 วัน สะท้อนความผันผวนที่สูงผิดปกติในตลาดตราสารหนี้สหรัฐ

Back to top button