“ทองคำ” พุ่งนิวไฮทะลุ 3,450 เหรียญ รับความไม่แน่นอนเทรดวอร์-นโยบายเฟด

ราคาทองคำทะยานแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เหนือ 3,450 ดอลลาร์/ออนซ์ รับแรงหนุนสถานการณ์ตึงเครียดด้านการค้าและความกังวลต่อเสถียรภาพธนาคารกลางสหรัฐ


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ราคาทองคำในตลาดโลกพุ่งทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง โดยราคาทองสปอตพุ่งขึ้นถึง 137.97 ดอลลาร์ หรือคิดเป็น 4.16% แตะระดับ 3,453.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ณ เวลา 18.45 น. ตามเวลาไทย ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้าในตลาด COMEX ส่งมอบเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้น 36.40 ดอลลาร์ หรือ 1.06% แตะระดับ 3,461.70 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยกดดันด้านนโยบายการเงินของสหรัฐ

ทั้งนี้ ราคาทองคำได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยสามารถยืนเหนือระดับ 3,300 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 16 เมษายน และขยับทะลุแนวต้าน 3,400 ดอลลาร์เมื่อวันที่ 21 เมษายน จนล่าสุดแตะระดับ 3,450 ดอลลาร์ในวันนี้ สะท้อนแรงเก็งกำไรจากนักลงทุนที่มองว่าราคาทองจะยังปรับขึ้นต่อเนื่องและอาจทะลุระดับ 3,500 ดอลลาร์ในระยะใกล้

ปัจจัยสำคัญที่เร่งแรงซื้อทองคำยังรวมถึงความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน โดยล่าสุด จีนได้ออกแถลงการณ์เตือนประเทศต่าง ๆ ให้ระมัดระวังในการทำข้อตกลงทางเศรษฐกิจกับสหรัฐ พร้อมประกาศจะตอบโต้หากผลประโยชน์ของจีนถูกละเมิดอย่างเด็ดขาด ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวสร้างความกังวลให้แก่นักลงทุนทั่วโลก และส่งผลให้ความต้องการถือครองสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

ขณะเดียวกัน ความกังวลต่อเสถียรภาพของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ยิ่งทวีความรุนแรง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงท่าทีไม่พอใจต่อการดำเนินนโยบายของนายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด โดยเรียกร้องให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย พร้อมเปรียบเทียบกับธนาคารกลางยุโรปที่ได้ปรับลดดอกเบี้ยถึง 7 ครั้ง และเตือนว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเผชิญภาวะชะลอตัวหากไม่ปรับตัวตาม

นอกจากนี้ นายเควิน แฮสเซตต์ ที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาว เปิดเผยว่า คณะทำงานของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณาอย่างจริงจังเกี่ยวกับการปลดนายพาวเวลออกจากตำแหน่ง ท่ามกลางแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น หลังจากนายพาวเวลให้ความเห็นว่า มาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของรัฐบาลสหรัฐอาจส่งผลให้เงินเฟ้อเร่งตัว และกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานในประเทศ

ด้วยปัจจัยเสี่ยงที่รุมเร้าทั้งด้านภูมิรัฐศาสตร์และการเมืองภายในสหรัฐฯ ราคาทองคำจึงยังมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนในฐานะสินทรัพย์ที่สามารถรักษามูลค่าในภาวะวิกฤติ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายฝ่ายเริ่มจับตาว่าการเคลื่อนไหวของราคาทองในระยะถัดไปอาจนำไปสู่การสร้างจุดสูงสุดใหม่อีกครั้ง

Back to top button