
TPCH ไฟเขียวปันผล 0.037 บ. ลุยโปรเจคพลังงานทดแทน ตั้งเป้า 500 MW ปี 69
ผู้ถือหุ้น TPCH ไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพิ่ม 0.037 บาทต่อหุ้น รับปันผลวันที่ 15 พ.ค. 68 เดินหน้าสร้างโรงไฟฟ้าขยะชุมชน SPNS - โรงไฟฟ้าขยะชุมชน SPNK มั่นใจในปี 69 กำลังการผลิตไฟฟ้าพุ่งแตะ 500 เมกะวัตต์ หนุนผลงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ
นางกนกทิพย์ จันทร์พลังศรี ประธานคณะกรรมการบริหาร บริษัท ทีพีซี เพาเวอร์ โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TPCH ประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน เปิดเผยว่า ที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2568 เมื่อวันที่ 23 เมษายน 2568 มีมติจ่ายปันผลเป็นเงินสดเพิ่มอีก ในอัตราหุ้นละ 0.037 บาท จากงวดผลการดำเนินงานวันที่ 1 ตุลาคม 2567 ถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2567
โดยวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล ในวันที่ 29 เมษายน 2568 และกำหนดวันที่จ่ายเงินปันผล 15 พฤษภาคม 2568 โดยได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้วในปี 2567 ในอัตราหุ้นละ 0.230 บาท เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2567 และในอัตราหุ้นละ 0.128 บาท เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2567 รวมเป็นเงินปันผลจ่ายทั้งสิ้น 158.47 ล้านบาท
“ต้องขอขอบคุณผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ให้ความไว้วางใจและยังคงเชื่อมั่นในการบริหารธุรกิจ เรายังคงมุ่งมั่นในการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผนที่วางไว้ ซึ่งในปีนี้ บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงในระยะยาว” นางกนกทิพย์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้าน นายเชิดศักดิ์ วัฒนวิจิตรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ TPCH กล่าวว่า ในปี 2568 บริษัทฯ มุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการพลังงานหมุนเวียน ด้วยการใช้กลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจ โดยการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อใช้ควบคุมต้นทุนและการบริหารจัดการเชื้อเพลิงในโรงไฟฟ้าที่มีการจําหน่ายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์แล้ว ทั้งโรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล จำนวน 7 แห่ง ประกอบด้วย CRB, MWE, MGP, TSG, PGP, SGP, PTG มีกำลังการผลิตติดตั้ง 80.7 เมกะวัตต์ รวมถึงโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ สยาม พาวเวอร์ นนทบุรี (SPNT) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.5 เมกะวัตต์ โดยจะปรับปรุงให้สามารถเดินเครื่องให้เสถียรมากขึ้น เพื่อให้มีรายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง
ขณะเดียวกัน การพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในประเทศ ปัจจุบันมีการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ หนองสาหร่าย (SPNS) กำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าขยะชุมชน สยาม พาวเวอร์ นากลาง (SPNK) ขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 9.9 เมกะวัตต์
คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างและติดตั้งเครื่องจักรได้ภายในไตรมาส 2/2568 และอยู่ระหว่างการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เพิ่มประมาณ 4 โครงการ ประกอบด้วย SP4-SP7 เป็นโครงการพลังงานขยะชุมชนในรูปแบบ VSPP (Very Small Power Producer)
นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะนำบริษัท สยาม พาวเวอร์ จำกัด (SP) ซึ่ง TPCH ถือหุ้นในสัดส่วน 50% ที่ร่วมกันพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปี 2570
สำหรับแผนการพัฒนาโครงการพลังงานทดแทนในต่างประเทศ ประกอบด้วย โครงการพลังงานแสงอาทิตย์ในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ซึ่ง TPCH เข้าร่วมลงทุนกับ บริษัท แม่โขง พาวเวอร์ จํากัด (MKP) ในสัดส่วน 40% มูลค่า 12.5 ล้านเหรียญสหรัฐ ประกอบธุรกิจผลิต และจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ใน สปป.ลาว ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 100 เมกะวัตต์ กับรัฐวิสาหกิจไฟฟ้าลาว (EDL) เรียบร้อยแล้ว คาดว่า จะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2/2568
ในส่วนของการเข้าลงทุนในโครงการพลังงานลม ในนาม บริษัท อินโดไชน่า วินด์ พาวเวอร์ จํากัด (IWP) ที่ประกอบธุรกิจผลิตและจําหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานลมในประเทศกัมพูชา และ IWP ได้ลงนามในสัญญาซื้อขายไฟฟ้าจำนวน 150 เมกะวัตต์ กับ รัฐวิสาหกิจไฟฟ้ากัมพูชา (EDC) แล้วเมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2567 โดยมีระยะเวลา 25 ปี นับจากวันที่เปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (Commercial Operation Date : COD) ซึ่งปัจจุบันได้รับการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และ สัญญาสัมปทานโครงการเรียบร้อยแล้ว และอยู่ระหว่างการพัฒนาใบอนุญาตก่อสร้างโครงการ และคัดเลือกผู้รับเหมาก่อสร้าง
ทั้งนี้ ภายในปี 2569 บริษัทฯ ยังคงเป้าหมายการมีกำลังการผลิตติดตั้งรวม 500 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น โรงไฟฟ้าในประเทศ ประกอบด้วย โรงไฟฟ้าพลังงานชีวมวล และโรงไฟฟ้าพลังงานขยะ กำลังการผลิตรวม 150 เมกะวัตต์ รวมทั้ง โครงการในต่างประเทศ ทั้งโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์และพลังงานลม กำลังการผลิต 350 เมกะวัตต์ สนับสนุนผลการดำเนินงานเติบโตอย่างมีเสถียรภาพ สร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับผู้ถือหุ้น