“อิทธิชัย” เคลียร์ 3 ปม SABUY พิพาท TSR ชิงฟ้องจ่ายหนี้ 900 ล้าน!

“วิน อิทธิชัย” ผู้บริหารชุดใหม่ SABUY เคลียร์ปมข้อพิพาท TSR เงินกู้ 900 ล้าน ชี้ธุรกรรมกู้ยืมเงินเกิดขึ้นในช่วงทีมบริหารชุดเก่า ส่วนการฟ้องเรียกหนี้ TSR เนื่องจากไม่ทำตามข้อตกลงในการส่งแผนธุรกิจ


ผู้สื่อข่าวรายงาน จากกรณี “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” นำเสนอบทความตามพาดหัวข่าว “เปิดปม SABUY พิพาท TSR เจ้าของใหม่แหกข้อตกลง ชิงฟ้องก่อน 900 ล้าน!” ระบุถึงการฟ้องร้องระหว่างบริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY และบริษัท ทีเอสอาร์ ลิฟวิ่ง โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ TSR เกี่ยวกับหนี้สินจำนวน 900 ล้านบาท โดย SABUY ภายใต้การบริหารของทีมผู้บริหารชุดใหม่ได้เรียกร้องให้ TSR ชำระหนี้ ก่อนครบกำหนดเวลาที่ได้มีการตกลงยืดหนี้ออกไปก่อนหน้านี้ รวมถึงประเด็นที่มาที่ไปของหนี้ระหว่าง SABUY และ TSR นั้น

ล่าสุด นายอิทธิชัย พูลวรลักษณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิว เอส โอ แอล จำกัด (มหาชน) หรือ WSOL หรือเดิมคือ บริษัท สบาย เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ SABUY ได้ออกมาชี้แจงใน 3 ประเด็นเกี่ยวกับกรณีดังกล่าวว่า ช่วงเวลาที่เกิดธุรกรรมการกู้ยืมเงินกันระหว่าง SABUY และ TSR จำนวน 873 ล้านบาท นั้น เป็นเรื่องการบริหารงานภายในของ TSR เมื่อทีมบริหารใหม่เข้ามา SABUY ไม่ได้มีอำนาจควบคุม TSR แล้ว

ทั้งนี้ เมื่อผู้บริหารชุดใหม่ของ SABUY เข้ามาตรวจสอบ ปรากฏว่า ไม่พบหลักฐานการอนุมัติการปล่อยกู้ดังกล่าวโดยคณะกรรมการบริษัท อย่างไรก็ดี ผู้บริหาร TSR ที่เป็นเจ้าของเดิม เป็นผู้ที่เกี่ยวข้องและดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการของบริษัท TSR มาตลอดระยะเวลาที่เกิดธุรกรรมต่างๆ ซึ่งกรรมการบริษัทมีหน้าที่ต้องดูแลรักษาผลประโยชน์ของบริษัทเป็นสำคัญ

ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า ทีมบริหารใหม่ของ SABUY ภายใต้การกุมบังเหียนของ นายอิทธิชัย ได้มัดมือชกผู้ถือหุ้นกู้ให้จำยอมต้องเลื่อนการไถ่ถอนไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้ นายอิทธิชัย ชี้แจงว่า ตนเข้ามาแก้ไขปัญหาของ SABUY หากตนไม่เข้ามา ดอกเบี้ยแม้แค่ 1% ก็ไม่สามารถจ่ายได้ เนื่องจาก SABUY ไม่มีกระแสเงินสดในการดำเนินงาน

ก่อนหน้านั้นที่ SABUY ทำการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้เพราะทีมผู้บริหารเก่ามีการดึงกระแสเงินสดจากการดำเนินกิจการ หรือ Operation ของธุรกิจต่างๆออกมา ส่งผลให้ธุรกิจเกิดการสะดุดติดขัด เลยเป็นเหตุให้ทางทีมบริหารใหม่ต้องเจรจากับผู้ถือหุ้นกู้เพื่อชะลอการจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ย

เพื่อให้เหลือกระแสเงินสดเพียงพอสำหรับการดำเนินงาน และค่อยๆ พลิกฟื้นผลประกอบการให้มีเงินสดเป็นบวกกลับมาสามารถจ่ายดอกเบี้ย และชำระคืนหนี้ได้อย่างต่อเนื่อง

โดยบริษัทภายใต้ผู้บริหารกลุ่มใหม่จึงขอเวลาในการทำงานเพื่อฟื้นฟูบริษัท ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทได้ขอความอนุเคราะห์ทางกลุ่มผู้ถือหุ้นกู้ และผู้ถือหุ้นกู้ก็ได้ให้ความอนุเคราะห์แก่บริษัท เห็นพ้องต้องกันเพื่อสร้างโอกาสในการคืนเงินต้นให้กับผู้ถือหุ้นกู้

ส่วนข้อมูลที่ระบุว่า ”ผู้บริหาร SABUY ชุดนายอิทธิชัย“ และ ”ผู้บริหาร TSR ที่เป็นเจ้าของเดิมก่อนหน้านายชูเกียรติ“ ได้ตกลงจะยืดเวลาการชำระคืนหนี้ให้กับ TSR ให้สอดคล้องกับที่ SABUY ขอขยายเวลาการชำระหนี้กับ “ธนาคาร อ.” ออกไปอีกหนึ่งปี ซึ่งนำมาสู่ข้อสงสัยว่า เหตุใด SABUY ถึงตัดสินใจเร่งรีบและล้มข้อตกลงเรื่องการยืดเวลาชำระหนี้ของ TSR ทั้งที่ SABUY ได้รับอนุมัติการเลื่อนจ่ายจากธนาคารเจ้าหนี้แล้ว

โดย นายอิทธิชัย ชี้แจงประเด็นนี้ว่า เรื่องการอนุมัติให้ยืดระยะเวลาชำระหนี้เป็นมติของกรรมการชุดเก่า ในรอบการประชุมเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2567 ซึ่งกรรมการที่เข้าร่วมประชุมยังคงเป็นชุดเก่าทั้งหมด ซึ่งเงื่อนไขที่ว่าเมื่อบริษัทฯได้รับอนุมัติให้เลื่อนการชำระจากธนาคารแล้วจึงเลื่อนให้กับลูกหนี้บริษัทนั้น ทางบริษัทฯ ภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่ไม่พบหลักฐานความเชื่อมโยงเรื่องเงื่อนไขดังกล่าว

ส่วนประเด็นที่บริษัทฯ ภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่เรียกร้องให้ลูกหนี้ชำระเงิน เนื่องจากลูกหนี้ไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขการขอยืดระยะเวลาหนี้ ซึ่งกำหนดว่า TSR ต้องนำส่งแผนธุรกิจเพื่อให้บริษัทฯพิจารณาแนวทางในการชำระคืนเงินกู้ โดย TSR ไม่ได้มีการนำส่งแผนธุรกิจที่ชัดเจนแต่อย่างใดให้กับทางบริษัทฯ

ขณะที่เรื่องการวางหลักประกันนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนทีมผู้บริหารชุดใหม่เข้ามา ทางบริษัทฯภายใต้ผู้บริหารชุดใหม่ไม่พบหลักฐานที่แสดงเหตุผลในการวางหลักประกันที่เกิดขึ้น

Back to top button