JTS แจงแผนแก้หนี้หุ้นกู้ 634 ล้านบาท เตรียมถกผู้ถือหุ้น 8 พ.ค.นี้ หวังขอผ่อนผัน

นายซัง โด ลี กรรมการผู้จัดการ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ JTS แจ้งผ่าน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ว่า ตามที่บริษัทฯ ได้จัดประชุมเพื่อให้ข้อมูลแก่นักลงทุนและผู้ที่เกี่ยวข้อง (Public Presentation) ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (E-Meeting) เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2568 เวลา 11:00 น. เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ขึ้นเครื่องหมาย CB บนหลักทรัพย์ของบริษัทฯ นั้น

บริษัทฯ ขอรายงานสรุปที่มาสาเหตุและแนวทางการแก้ไขปัญหา คือ ตามที่บริษัทฯ ได้ออกและเสนอขายหุ้นกู้ จำนวน 3 รุ่น มูลค่าหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนรวมจำนวน ทั้งสิ้น 634,814,000 บาท

1.) หุ้นกู้มีประกันของ บริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2565 ครบ กำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2568 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน หรือ JTS254A มูลค่าหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนวน 421,914,000 บาท โดยมีวันครบกำหนดไถ่ ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 8 เมษายน 2568

2.) หุ้นกู้เสี่ยงสูงมีประกัน โดยมีผู้ค้าประกันของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2568 ชุดที่ 1 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2570 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อนครบกำหนดไถ่ถอน หรือ JTS272A มูลค่าหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนวน 90,600,000 บาท โดยมีวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2570

3.) หุ้นกู้เสี่ยงสูงมีประกัน โดยมีผู้ค้ำประกันของบริษัท จัสมิน เทคโนโลยี โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 1/2568 ชุดที่ 2 ครบกำหนดไถ่ถอนปี พ.ศ. 2571 ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิไถ่ถอนหุ้นกู้ก่อน ครบกำหนดไถ่ถอน หรือ JTS282A มูลค่าหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้ไถ่ถอนจำนวน 122,300,000 บาท โดยมีวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2571

เนื่องจากสภาวะตลาดตราสารหนี้ไม่เอื้อต่อการระดมทุนใหม่ ส่งผลให้บริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อรีไฟแนนซ์หรือโรลโอเวอร์หุ้นกู้ที่ครบกำหนดได้ตามแผนที่ได้วางไว้ ประกอบกับความไม่แน่นอนของสภาวะเศรษฐกิจโดยรวมซึ่งเป็นผลกระทบจากนโยบาย กำแพงภาษีสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจ บริษัทฯ มีความจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องบริหารกระแสเงินสดไว้เพื่อดำเนินงานและการลงทุนเพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวแก่ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุน

ด้วยปัจจัยข้างต้นเป็นเหตุให้บริษัทฯ ไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ JTS254A ได้ทั้งจำนวนเมื่อครบกำหนดไถ่ถอนในวันที่ 8 เมษายน 2568

อย่างไรก็ดี ในวันดังกล่าวบริษัทฯ ได้ดำเนินการชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้บางส่วนให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้จำนวน 103,628,000 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 140 บาทต่อหน่วย พร้อมดอกเบี้ยคงค้างทั้งหมดให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อแสดงความตั้งใจจริงว่าบริษัทจะชำระคืนหนี้หุ้นกู้ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ทุกรายจนครบถ้วนต่อไป

ขณะที่ สาเหตุของการขึ้นเครื่องหมาย CB นั้น เกิดขึ้นจากการที่บริษัทฯ ผิดนัดชำระหนี้หุ้นกู้ตามเกณฑ์ที่กำหนด โดย ThaiBMA ขึ้นเครื่องหมาย DP และ IC หุ้นกู้ของบริษัทฯ เหตุที่ไม่สามารถไถ่ถอนหุ้นกู้ JTS254A ทั้งจำนวนในวันครบกำหนดไถ่ถอนถือเป็นเหตุผิดนัด และถือเป็นเหตุผิดนัดของหุ้นกู้ JTS272A และ JTS282A ว่าด้วยเหตุแห่งการ Cross Default ตามข้อกำหนดสิทธิ

อย่างไรก็ดี บริษัทฯ มีแนวทางในการแก้ไขปัญหาการผิดนัดชีระหนี้ของบริษัทฯ ดังนี้ 1.) บริษัทฯ เตรียมจัดประชุมผู้ถือหุ้นกู้ทั้ง 3 รุ่น ในวันที่ 8 พฤษภาคม 2568 เพื่อชี้แจงสถานการณ์ของบริษัทฯ และขอมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้เพื่อขอผ่อนผันเหตุผิดนัดที่เกิดขึ้น รวมถึงขอปรับเงื่อนไขการชำระคืนหนี้หุ้นกู้โดยมีแผนที่จะนำเสนอในที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ JTS254A เพื่อลงมติ ดังนี้

1.ขอขยายระยะเวลาครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้ออกไปอีก 1 ปี 3 เดือน

2.ขอแบ่งชำระคืนเงินต้นหุ้นกู้ที่เหลือให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้เป็นรายงวด 6 เดือน

3.ขอเสนอปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยหุ้นกู้

2.) แหล่งเงินที่จะนำมาชำระคืนหนี้หุ้นกู้ตามแผนเพิ่มเติม คือ 1. กระแสเงินสดจากเงินปันผลจากบริษัทจาก บริษัท จัสเทล เน็ทเวิร์ค จำกัด (JASTEL) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจให้บริการโครงข่ายโทรคมนาคมเพื่อให้บริการวงจรเช่าสื่อสัญญาณความเร็วสูงระหว่างประเทศ และให้บริการชุมสายอินเทอร์เน็ตภายในประเทศและระหว่างประเทศ ซึ่งมีผลการดำเนินงานที่ดีและเติบโตอย่างต่อเนื่อง สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืน

อีกทั้ง JASTEL มีแผนเตรียมออกและเสนอขายหุ้นสามัญที่ออกใหม่ต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะทำให้มีกระแสเงินอีกส่วนหนึ่งที่จะสามารถนำมาชำระหุ้นกู้ได้

2.กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ที่จะได้รับจากธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และธุรกิจ Generative AI บริษัทเชื่อมั่นว่า ภายใต้แผนการชำระหนี้ใหม่และแหล่งเงินทุนตามที่ระบุข้างต้น จะช่วยเสริมสร้างความ เชื่อมั่นให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ และทำให้บริษัทสามารถชำระคืนหนี้หุ้นกู้ได้ครบถ้วนภายในกรอบเวลาที่เสนอ