
“ธปท.” ชี้ระบบการเงินไทยแกร่ง แนะจับตา 4 ปัจจัยเสี่ยง ห่วงหนี้ครัวเรือน-ภาคอสังหาฯ
ธปท.เผยภาพรวมการเงินไทยยังแกร่ง แม้เศรษฐกิจในภาพรวมดูมีเสถียรภาพ แต่จุดเปราะบางก็ยังคงอยู่ โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจ SMEs ที่เผชิญปัญหาสภาพคล่อง และภาคอสังหาฯ ที่เริ่มชะลอตัว
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานการประเมินเสถียรภาพระบบการเงินไทยปี 2567 โดยธนาคารแห่งประเทศไทยระบุว่า ระบบการเงินโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ และสามารถสนับสนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจจริงได้อย่างต่อเนื่อง ภาคสถาบันการเงินยังคงมีความเข้มแข็ง แม้คุณภาพหนี้จะอ่อนแอลง แต่ธนาคารพาณิชย์ได้ตั้งสำรองไว้ในระดับสูง ขณะที่ผู้ให้บริการทางการเงินที่ไม่ใช่สถาบันการเงินยังคงมีกำไรสุทธิ และมีเงินสำรองรองรับความเสี่ยงอย่างเพียงพอ สหกรณ์ออมทรัพย์เองก็ยังคงควบคุมหนี้เสียให้อยู่ในระดับที่ใกล้เคียงอดีต
ระดับหนี้ครัวเรือนปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดอยู่ที่ 88.4% ต่อ GDP แม้จะยังถือว่าอยู่ในระดับสูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศ แต่ก็ถือเป็นทิศทางที่ดีต่อเสถียรภาพระบบการเงินในระยะยาว อย่างไรก็ดี ภาวะการเงินในปี 2567 ตึงตัวมากขึ้นจากปีก่อนหน้า โดยสินเชื่อขยายตัวในระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปี ที่ 0.8% การระดมทุนผ่านตราสารหนี้ภาคเอกชนหดตัว ขณะที่การเสนอขายหุ้น IPO ลดลงทั้งในแง่จำนวนและมูลค่า
สินเชื่อธุรกิจขนาดใหญ่และ SMEs ชะลอตัวลงอย่างชัดเจน โดยเฉพาะ SMEs ที่หดตัวถึง 3% เนื่องจากรายได้ยังฟื้นตัวไม่เต็มที่และต้องเผชิญการแข่งขันจากสินค้าจีน ส่วนสินเชื่อรายย่อยก็เริ่มหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี จากกำลังซื้อที่ลดลง และภาระหนี้ในระดับสูง โดยเฉพาะสินเชื่อเช่าซื้อในกลุ่มธุรกิจยานยนต์
ภาคอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ฟื้นตัวชัดเจน แม้ดัชนีราคาที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้นตามต้นทุน แต่กำลังซื้อของประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มรายได้ต่ำยังจำกัด อุปสงค์จากต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน ก็ชะลอลง นอกจากนี้ ยังเผชิญกับภาวะอุปทานล้นตลาด โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยราคา 5 ล้านบาทขึ้นไป
ด้านหนี้ของภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจ มีแนวโน้มลดลงต่อเนื่อง ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อเสถียรภาพในระยะยาว อย่างไรก็ตาม ความสามารถในการชำระหนี้ยังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา โดยเฉพาะในกลุ่มครัวเรือนรายได้น้อยและธุรกิจ SMEs ซึ่งยังเผชิญกับความเปราะบางจากรายได้ที่ยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่
บริษัทประกันภัยยังมีฐานะการเงินที่มั่นคง โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนเกินกว่าระดับที่กฎหมายกำหนดไว้มาก แต่ก็มีความเสี่ยงจากต้นทุนการรักษาพยาบาลที่สูงขึ้นในประกันสุขภาพ ทำให้ต้องมีการปรับเงื่อนไขการต่ออายุสัญญา เช่น การใช้ระบบร่วมจ่าย (co-payment) เพื่อควบคุมต้นทุน
แม้ระบบการเงินจะมีเสถียรภาพ แต่ยังคงต้องติดตามความเสี่ยงสำคัญที่อาจกระทบในระยะต่อไป ได้แก่ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่เปราะบางต่อความผันผวนทั้งในและต่างประเทศ ภาวะการเงินที่อาจตึงตัวขึ้นต่อเนื่อง บริษัทขนาดใหญ่บางรายที่มีระดับหนี้สูง และฐานะการเงินของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากทั้งภาวะตลาดชะลอตัวและเหตุการณ์แผ่นดินไหวในช่วงต้นปี
โดยรวม ระบบการเงินไทยยังคงมีเสถียรภาพ แต่สถานการณ์โดยรอบสะท้อนถึงความเปราะบางที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามเป็นความเสี่ยงเชิงระบบในอนาคต