
บอร์ด JKN น้อมรับโทษแพ่ง! ยันหนุน “แอน จักรพงษ์” นำทัพฟื้นฟูกิจการต่อ
บอร์ด JKN เห็นชอบยอมรับโทษทางแพ่ง แต่ขอชำระค่าปรับผ่านศาลล้มละลายกลาง เหตุอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการ ย้ำ “แอน จักรพงษ์” มีคุณสมบัติบริหารบริษัทตามสิทธิ์ตามกฎหมาย
บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN ขอแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 7/2568 ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 25 เมษายน 2568 ต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยโดยที่ประชุมฯ ได้พิจารณาและมีมติที่สาคัญสรุปได้ดังต่อไปนี้
สืบเนื่องจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(“สำนักงาน ก.ล.ต.”) แจ้งว่าคณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (“ค.ม.พ.”) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับบริษัทและนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ในฐานะเป็นบุคคลซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคลตามรายละเอียดในหนังสือที่อ้างถึงนั้น
ในการนี้ที่ประชุมฯพิจารณาแล้วเห็นว่า ในส่วนความผิดของบริษัทนั้น เห็นควรยอมรับตามมาตรการลงโทษทางแพ่งดังกล่าว แต่เนื่องจากบริษัทอยู่ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการ ซึ่งค่าปรับไม่ใช่การดำเนินธุรกิจปกติของบริษัท บริษัทจึงจะดำเนินการขออนุญาตต่อศาลล้มละลายกลางในการชำระค่าปรับดังกล่าวต่อไป
ในส่วนของคุณจักรพงษ์นั้น เป็นความผิดเฉพาะบุคคล โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา นายจักรพงษ์ถือเป็นผู้บริหารหลัก ในการผลักดันและการดำเนินงานของบริษัทอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับเป็นผู้มีส่วนสำคัญในการปฏิบัติตามแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งบริษัทได้ยื่นแผนฟื้นฟูกิจการต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์แล้วเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2568 ให้เกิดความสำเร็จ ประกอบกับที่ประชุมฯพิจารณาแล้วพบว่า มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด ยังมิใช่คำสั่งอันเป็นที่สุดซึ่งส่งผลให้คุณจักรพงษ์ ต้องห้ามการเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์
ดังนั้นในปัจจุบัน นายจักรพงษ์ จึงยังมีสิทธิอย่างสมบูรณ์ตามกฎหมายในการดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการหรือผู้บริหารในบริษัทที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัท หลักทรัพย์เช่นเดิม
นอกจากนี้ เมื่อพิจารณาเพิ่มเติมแล้วก็ไม่พบว่า นายจักรพงษ์ ซึ่งเป็นกรรมการและผู้บริหารสูงสุดของบริษัท มีลักษณะขาดความน่าไว้วางใจอื่นใดในการดำรงตำแหน่งกรรมการและผู้บริหารของบริษัท ตามประกาศคณะกรรมการ ก ากับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กจ.3/2560เรื่อง การกำหนดลักษณะขาดความน่าไว้วางใจของกรรมการและ ผู้บริหารของบริษัท
ดังนั้นเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้มีส่วนได้เสียทุกฝ่ายที่ประชุมฯจึงมีมติเห็นชอบคุณจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ยังคงดำรงตำแหน่งกรรมการ กรรมการผู้มีอำนาจลงนาม กรรมการสรรหาและกำหนดค่าตอบแทน ประธานกรรมการบริหาร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการของบริษัทตามเดิมจนกว่าจะมีคำสั่งถึงที่สุดในเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ดีหากมีการเปลี่ยนแปลง และ/หรือมีความคืบหน้าที่เกี่ยวข้องใด ๆ เพิ่มเติมบริษัทจะเรียนแจ้งให้ท่าน ทราบผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์ฯ ต่อไป
อนึ่งสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยการดำเนินคดีด้วยมาตรการลงโทษทางแพ่งกับผู้กระทำความผิด 2 ราย ได้แก่ บริษัท เจเคเอ็น โกลบอล กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ JKN และนายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ กรณีเผยแพร่ข้อความอันเป็นเท็จหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของ JKN โดยให้ชำระเงินตามมาตรการลงโทษทางแพ่งรวม 4,124,078 บาท และกำหนดระยะเวลาห้ามผู้กระทำความผิด 1 ราย เป็นกรรมการหรือผู้บริหาร
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ ก.ล.ต. ได้รับข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท. เมื่อเดือนเมษายน 2567 และตรวจสอบเพิ่มเติมพบว่า เมื่อวันที่ 22 ม.ค. 2567 เวลา 14.00 น. JKN โดยนายจักรพงษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการ ผู้มีอำนาจรายงานสารสนเทศของ JKN ได้เปิดเผยผ่านระบบเผยแพร่ข้อมูลบริษัทจดทะเบียนของตลาดหลักทรัพย์ฯ (ระบบ SETLink)
ตามที่ ตลท. ได้ให้ JKN ชี้แจงกรณีปรากฏข่าวบนสื่อออนไลน์ JKN ได้ขายธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล (Miss Universe Organization: MUO) ให้แก่นายราอูล โรชา เศรษฐีชาวเม็กซิกัน ซึ่ง JKN ชี้แจงโดยสรุปว่า JKN ได้มีการดำเนินการหาและติดต่อนักลงทุนหลากหลายราย และได้ศึกษารายละเอียดข้อเสนอลงทุนของนักลงทุนมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว แต่ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องดังกล่าว
ในช่วงเวลานั้น JKN Global Content Pte. Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ JKN ได้ดำเนินการขายหุ้นของ JKN Legacy, Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่ดำเนินธุรกิจองค์กรนางงามจักรวาล และครอบครองลิขสิทธิ์นางงามจักรวาล (Miss Universe) ให้แก่ Legacy Holding Group USA Inc. ในจำนวนร้อยละ 50 ของหุ้นทั้งหมด โดยเข้าทำสัญญาซื้อขายเมื่อวันที่ 20 ต.ค. 2566 นอกจากนี้ ยังปรากฏข้อมูลว่า Legacy Holding Group USA Inc. มีนายราอูล โรชา เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ดังนั้น
ข้อความที่ทาง JKN เผยแพร่ดังกล่าวจึงไม่ถูกต้องตรงกับข้อเท็จจริงหรืออาจก่อให้เกิดความสำคัญผิดในสาระสำคัญเกี่ยวกับข้อมูลของ JKN โดยประการที่น่าจะทำให้มีผลกระทบต่อการตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์ JKN
การกระทำของ JKN เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 240 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ) ซึ่งมีบทกำหนดโทษตามมาตรา 296 วรรคหนึ่ง และมาตรา 296/2 และมาตรการลงโทษทางแพ่งตามมาตรา 317/4 และมาตรา 317/5 แห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน
โดยนายจักรพงษ์ ในฐานะเป็นบุคคล ซึ่งรับผิดชอบในการดำเนินงานของนิติบุคคล กระทำการเป็นเหตุให้ JKN กระทำความผิดในกรณีข้างต้นจึงต้องรับโทษเดียวกันตามมาตรา 300 ประกอบมาตรา 240 แห่ง พ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ
คณะกรรมการพิจารณามาตรการลงโทษทางแพ่ง (ค.ม.พ.) มีมติให้นำมาตรการลงโทษทางแพ่งมาใช้บังคับกับผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย โดยให้ผู้กระทำความผิดทั้ง 2 ราย ชำระค่าปรับทางแพ่งและชดใช้ค่าใช้จ่ายเนื่องจากการตรวจสอบการกระทำความผิด รวมเป็นเงินรายละ 2,062,039 บาท และห้ามนายจักรพงษ์เป็นกรรมการหรือผู้บริหารใน บริษัทฯ ที่ออกหลักทรัพย์หรือบริษัทหลักทรัพย์ เป็นเวลา 56 เดือน
มาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนดจะมีผลเมื่อผู้กระทำความผิดลงนามในบันทึกการยินยอมปฏิบัติตามมาตรการลงโทษทางแพ่งที่ ค.ม.พ. กำหนด หากผู้กระทำความผิดไม่ยินยอม ก.ล.ต. จะมีหนังสือขอให้พนักงานอัยการดำเนินการฟ้องคดีต่อศาลแพ่งเพื่อขอให้ศาลกำหนดมาตรการลงโทษทางแพ่งในอัตราสูงสุดที่กฎหมายบัญญัติ โดยไม่ต่ำกว่าอัตราที่ ค.ม.พ. กำหนด ทั้งนี้เงินค่าปรับทางแพ่งที่ได้รับหรือพึงได้รับจากการกระทำความผิดเป็นรายได้แผ่นดินที่นำส่งกระทรวงการคลัง