
GULF-TOP วิ่ง 1% โบรกชูหุ้นเด่นสัปดาห์นี้ รับปัจจัยบวกเฉพาะ-แนวโน้มกำไรโต
GULF ควง TOP บวกกว่า 1% "กสิกรไทย” แนะลงทุน GULF เป้า 61 บาท และ TOP เป้า 28.80 บาท ชูปัจจัยหนุนจากแนวโน้มกำไรที่เติบโตแข็งแกร่งและปัจจัยบวกเฉพาะตัว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (28 เม.ย.68) ณ เวลา 10:12 น. ราคาหุ้น บริษัท กัลฟ์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF อยู่ที่ระดับ 45.75 บาท บวก 0.25 บาท หรือ 0.55% สูงสุดที่ระดับ 45.75 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 45.25 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 93.48 ล้านบาท
ด้านราคาหุ้น บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP อยู่ที่ระดับ 25 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.21% สูงสุดที่ระดับ 25.25 บาท ต่ำสุดที่ระดับ 24.80 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65.18 ล้านบาท
โดย บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด หรือ KS แนะนำหุ้นเด่นประจำสัปดาห์ 28 เมษายน – 2 พฤษภาคม 2568 ได้แก่ GULF และ TOP โดยประเมินว่าทั้งสองบริษัทมีปัจจัยหนุนเชิงบวกที่ชัดเจนในระยะสั้นและกลาง
สำหรับ GULF กำหนดราคาพื้นฐานไว้ที่ 61.00 บาทต่อหุ้น โดยคาดว่าแนวโน้มกำไรไตรมาส 1/2568 จะยังคงเติบโตอย่างแข็งแกร่ง จากการดำเนินงานเต็มปีของโรงไฟฟ้า IPP ที่เริ่มเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ (COD) ตั้งแต่ปี 2567 รวมกำลังผลิต 2.07 กิกะวัตต์ และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีก 500-600 เมกะวัตต์
นอกจากนี้ GULF ยังมีแผน COD โรงไฟฟ้าใหม่ในปี 2568 ได้แก่ โรงไฟฟ้า HKP ยูนิต 2 กำลังผลิต 770 เมกะวัตต์ในเดือนมกราคม และโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 700 เมกะวัตต์ในช่วงปลายปี ซึ่งจะช่วยสนับสนุนให้รายได้และกำไรปี 2568 เติบโต 27% และ 14% ตามลำดับ
อีกทั้งการควบรวมกิจการกับบริษัท อินทัช โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ INTUCH จะช่วยลดสัดส่วนหนี้สินต่อทุนของ GULF จาก 2.2 เท่า เหลือต่ำกว่า 1.0 เท่า เพิ่มศักยภาพในการกู้เงินสำหรับโครงการใหม่ และยังได้รับการปรับเพิ่มอันดับเครดิตจาก TRIS จาก “A+” เป็น “AA-” ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยเงินกู้และหุ้นกู้ในอนาคตลดลง
ขณะที่ TOP มีราคาพื้นฐานที่ 28.80 บาทต่อหุ้น โดยปัจจุบันราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ปี 2568 เพียง 0.38 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตถึงเกือบ 2.5 เท่า และต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มโรงกลั่นในประเทศที่ประมาณ 0.50 เท่า มองว่าราคาหุ้นมีโอกาสฟื้นตัวจากความกังวลเกี่ยวกับโครงการ CFP ที่คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในสิ้นไตรมาส 2/2568 หรืออย่างช้าต้นไตรมาส 3/2568
นอกจากนี้ การกลับมาดำเนินการของ SBM 2 ตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์จะช่วยลดต้นทุนได้ราว 0.5 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ซึ่งจะเริ่มรับรู้ผลเต็มไตรมาสในไตรมาสที่ 2 อีกทั้งแนวโน้มค่าการกลั่น (GRM) มีโอกาสฟื้นตัวในช่วงปลายไตรมาส 2/2568 จากฤดูกาลท่องเที่ยวขับรถ (driving season) ของสหรัฐฯ ที่จะหนุนอุปสงค์น้ำมัน