
“สุทธิชัย” ชี้ SET ฟื้นตัว ลุ้นเม็ดเงิน Thai ESGX หนุน-กนง.ลดดอกเบี้ยดันตลาด
“สุทธิชัย” ชี้ SET แกว่งตัวขึ้นทดสอบกรอบแนวต้าน 1,180-1200 จุด ลุ้นแรงหนุน "Thai ESGX-กนง.ลดดอกเบี้ย พร้อมจับตาเจรจาไทย-สหรัฐ แนะลงทุน 3 ธีมเด่น เน้นเป้าเม็ดเงิน Thai ESGX ไหลเข้า-ดอกเบี้ยขาลง และกำไรไตรมาส 1/68 โตเด่น
นายสุทธิชัย คุ้มวรชัย หัวหน้าฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ INVX เปิดเผยในรายการ “ข่าวหุ้นเจาะตลาด” วันนี้ (28 เม.ย.68) ว่า ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับสถานะของการเจรจาระหว่างสหรัฐอเมริกาและไทยยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นไทย ในแง่ของความชัดเจนซึ่งนักลงทุนต้องการเห็นภาพว่าเมื่อใดที่จะมีการกำหนดนัดหมายการเจรจาอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามราะหว่างทางประเทศไทยสามารถเรียนรู้จากสัญญาณและผลตอบรับจากการเจรจาของประเทศอื่น ๆ เช่น อินเดียและเกาหลีใต้ ซึ่งดูเหมือนจะได้รับการตอบรับที่ดี การเตรียมข้อมูลและข้อเสนอที่น่าสนใจและตรงกับสิ่งที่สหรัฐฯต้องการจะเป็นประโยชน์ต่อการเจรจาของไทย
ดังนั้นแม้ว่าประเทศไทยอาจจะไม่ได้มีภาพของการเจรจาโดยตรง แต่อิทธิพลจากการเจรจาของประเทศอื่นตลาดโลกมีการฟื้นตัวส่วนหนึ่งมาจากการเจรจาของหลายประเทศ และมีสัญญาณที่ดีจากสหรัฐฯ และบรรยากาศการเจรจาที่ดีขึ้นระหว่างสหรัฐฯกับจีนอาจส่งผลดีต่อไทยได้บ้าง
ส่วนการฟื้นตัวของตลาดหุ้นไทยช่วงนี้ยังฟื้นตัวได้ค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับหลายประเทศในเอเชีย หากพิจารณาตั้งแต่มีการประกาศเรื่องภาษีตอบโต้เมื่อวันที่ 2 เมษายน ตลาดหุ้นไทยยังไม่สามารถกลับไปสู่ระดับเดิมได้ 1180 จุด หากปัจจัยบวกเริ่มเข้ามาชัดเจนดัชนีก็น่าจะไปทดสอบระดับดังกล่าวก่อน ส่วนระดับ 1200 จุด ก็อาจต้องดูโมเมนตัมเชิงบวกที่จะเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นปัจจัยภายในประเทศ หรือสัญญาณที่ดีจากคู่ค้ารายใหญ่อย่างสหรัฐฯ และจีนอย่างไรก็ตามการที่จะผ่านแนวต้านนี้ไปได้ ต้องมีปัจจัยบวกที่ชัดเจนมากขึ้น
อย่างไรก็ดีตลาดหุ้นไทยยังมีปัจจัยการขายกองทุน THAI ESG ในช่วงปลายสัปดาห์ (วันที่ 2 พ.ค.68) อาจมีเม็ดเงินใหม่ไหลเข้าสู่ตลาดหุ้นได้บ้าง โดยส่วนใหญ่อาจเป็นการเข้ามาเพื่อป้องกันความเสี่ยงขาลง แต่ก็อาจมีนักลงทุนใหม่เข้ามาซื้อด้วย คาดการณ์ว่าจะมีเม็ดเงินประมาณ 10,000 – 20,000 ล้านบาทเข้ามา ซึ่งอาจช่วยพยุงตลาดได้บ้าง
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนวันนี้เน้นหุ้นในธีม 1.Thai ESGX มีการมองหาหุ้นที่มีโอกาสเติบโตของผลประกอบการที่ดี มีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง และสามารถจ่ายปันผลได้อย่างสม่ำเสมอประมาณ 3% โดยหุ้นที่ถูกกล่าวถึงในกลุ่มนี้ ได้แก่ ADVANC, BDMS, CPALL, PTT (กลุ่ม SET50) และ BCH, BTG, AP (กลุ่ม SET100)
2.หุ้นที่มีแนวโน้มผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการมองหาหุ้นที่ผลประกอบการไตรมาส 1/68 เติบโตดี และคาดว่าจะดีต่อเนื่องถึงไตรมาส 2/68 หุ้นในกลุ่มนี้ ได้แก่ ADVANC, TRUE, BTG, CPF, CPALL
3.หุ้นที่อาจได้รับประโยชน์จากการลดดอกเบี้ยของ กนง. หากมีการลดดอกเบี้ยจะเป็นผลดีต่อกลุ่มดังต่อไปนี้ ได้แก่ กลุ่ม REIT,กลุ่มอสังหาฯ (AP, SIRI),กลุ่มเช่าซื้อ( MTC,TIDLOR),กลุ่มค้าปลีก( CPALLซึ่งมีเงินกู้ค่อนข้างเยอะ การลดดอกเบี้ยจะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย,กลุ่มไฟฟ้า ( BGRIM และ GPSC ก็จะได้รับประโยชน์จากการประหยัดค่าใช้จ่ายดอกเบี้ย