8 หุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว ครึ่งปีแรก mai รับรีเทิร์นเกิน 50%

8 หุ้นจิ๋วแต่แจ๋ว ครึ่งปีแรก mai รับรีเทิร์นเกิน 50% นำโดยQTC,KOOL,TMC,TVD,TNH,TMI,DCORP และPICO


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ครึ่งปีแรก 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 มิ.ย.59 ซึ่งการสำรวจครั้งนี้ได้นำเสนอหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงเกิน 50% เท่านั้น เนื่องจากเห็นว่าหุ้นเหล่านี้มีผลตอบแทนโดดเด่นและน่าสนใจ โดยครั้งนี้มีหุ้นเข้าเกณฑ์ดังกล่าว 8 ตัว ประกอบด้วย QTC, KOOL,TMC, TVD, TNH, TMI, DCORP และ PICO

 

อันดับ 1 บริษัท คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ QTC  ราคาช่วง 6 เดือนแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 123.53% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 5.10 บาท บวก 6.30 บาท มาอยู่ที่ 11.40 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 6 เดือน มีปัจจัยบวกหลายด้านอาทิ แผนงานธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สดใส ประกอบกับบริษัทได้ประกาศเพิ่มทุนจาก 200 ล้านบาท เป็น 270 ล้านบาท โดยการเสนอขายต่อบุคคลในวงจำกัด ในราคาหุ้นละ 4.70 บ. ทำให้นักลงทุนเข้ามาไล่ราคา โดยภายหลังประกาศเพิ่มทุนดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มนักลงทุนใหม่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 25.93% จึงมีหน้าที่ต้องทำเทนเดอร์ฯหุ้นที่ราคา 7.75 บ. ยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับขึ้นแรง

 

อันดับ 2 บริษัท มาสเตอร์คูล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ KOOL ราคาช่วง 6 เดือนแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 95.20% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.25 บาท  บวก 1.19 บาท มาอยู่ที่ 2.44 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 6 เดือน มีปัจจัยบวกหลายด้านอาทิแผนงานธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง และแนวโน้มผลการดำเนินงานที่สดใส ประกอบกับเทคนิคราคาหุ้นเป็นขาขึ้น อีกทั้งนักวิเคราะห์แนะนำเข้าซื้อยิ่งเป็นแรงหนุนให้หุ้นขึ้นแรง

ล่าสุดบริษัทปรับแผนธุรกิจในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมปรับเป้าหมายรายได้ปี 59 ใหม่ จากเดิมคาดการณ์ในช่วงต้นปีจะมีอัตราเติบโตของรายได้เพิ่มขึ้นประมาณ 40% เป็นเพิ่มขึ้น 50% จากรายได้ในปีที่ผ่านมา และปรับประมาณการอัตรากำไรสุทธิสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 10% ของรายได้

 

อันดับ 3 บริษัท ที.เอ็ม.ซี. อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)  หรือ TMC ราคาช่วง 6 เดือนแรก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 93.55% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.86 บาท  บวก 1.74 บาท มาอยู่ที่ 3.60 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 6 เดือน มีปัจจัยบวกหลายด้านอาทิ แผนงานธุรกิจปีนี้จะพลิกกำไร พร้อมล้างขาดทุนสะสม อีกทั้งบริษัทเตรียมรุกคืบเข้าสู่อุตสาหกรรมก่อสร้างร่วมกับพันธมิตร ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้ ซึ่งจะช่วยผลักดันรายได้และกำไรในปีนี้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำเก็งกำไรหุ้นเล็ก Laggard ได้แก่ TMC (เป้าพื้นฐาน 3.0 บาท) จากการเข้าพบผู้บริหารล่าสุดคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปีนี้จะเข้าสู่จุดเริ่มต้นของการ Turnaround ซึ่งเริ่มพลิกกลับมามีกำไรราว 20 ล้านบาท ตั้งแต่ไตรมาส 4/58 ที่ผ่านมา (ก่อนหน้าขาดทุน 3 ไตรมาสติด) 

โดยในปีนี้จะได้อานิสงส์จากการขายสินค้าเข้าสู่ธุรกิจใหม่คือ 1) กลุ่มเครื่องกำจัดขยะและเครื่องสับไม้ (สำหรับโรงไฟฟ้าชีวมวล) 2) ลงทุนธุรกิจใหม่ เรือขุดลอก (TMC ถือหุ้น 30%) และ 3) ธุรกิจรับเหมากดเสาเข็ม ประเมินกำไรปีนี้แบบอนุรักษ์นิยมที่ 55 ล้านบาท (EPS 0.15) ซึ่งยังไม่รวมธุรกิจรับเหมากดเสาเข็มในประมาณการฯ และประเมินราคาเป้าหมายได้เท่ากับ 3.0 บาท

 

อันดับ 4 บริษัท ทีวี ไดเร็ค จำกัด (มหาชน) หรือ TVD  ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น  67.25% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.16 บาท บวก 1.04 บาท มาอยู่ที่ 2.20 บาท ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 ราคาหุ้นที่ปรับตัวแรงในรอบ 6 เดือน มีปัจจัยหลายด้านอาทิ แผนงานธุรกิจปีนี้จะพลิกกำไร พร้อมล้างขาดทุนสะสม ประกอบกับโบรกเกอร์แนะนำให้ซื้อยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรง

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุว่า แนะนำ”ซื้อ” TVD ราคาเป้าหมาย 2.62 บาท/หุ้น คาดกำไรไตรมาส 2/59 ยังอยู่ในโมเมนตัมเติบโตอย่างน้อย 75% จากปีก่อน ในเบื้องต้นประเมินว่า TVD จะมีกำไรสุทธิอย่างน้อยประมาณ 20 ล้านบาท ซึ่งยังคงให้ภาพ Turnaround ตามที่มองไว้

 

อันดับ 5 บริษัท โรงพยาบาลไทยนครินทร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TNH  ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น  87.80% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 20.50 บาท  บวก 18.00 บาท มาอยู่ที่ 38.50 บาท ณ วันที่ 31 พ.ค. 59 ราคาหุ้นปรับตัวแรงในรอบ 6 เดือน คาดเป็นการเก็งกำไรทางเทคนิค ประกอบกับหุ้นรายนี้พื้นฐานที่แข็งแกร่งเนื่องจากบริษัทมีกำไรต่อเนื่อง อีกทั้งในช่วงที่ผ่านมาแม้จะมีปัจจัยลบเข้ามากระทบตลาดฯ โบรกเกอร์ส่วนใหญ่ก็ยังแนะให้ลงทุนหุ้นโรงพยาบาลทำให้หุ้นรายนี้ปรับตัวขึ้นแรงตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา

บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในกลุ่มการแพทย์ ทั้งนี้คงน้ำหนัก “มากกว่าตลาด” สำหรับหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล จากคาดการณ์เติบโตกำไรที่แข็งแกร่งทนทานในทุกสถานการณ์แม้หลัง Brexit และความเสี่ยงต่ำเพราะเป็นหุ้นกลุ่มที่กำไรมั่นคง (resilient earnings)

 

ส่วนอันดับ 6-8 ประกอบด้วย บริษัท ธีระมงคล อุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ TMI, บริษัท ดีมีเตอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ DCORP และ บริษัท ปิโก (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ PICO ตามลำดับ โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องผลประกอบการสดใส และมีบทวิเคราะห์ออกมาสนับสนุนให้เข้าลงทุนเป็นหลักเช่นกัน 

ทั้งนี้การที่ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรง เนื่องจากมีประเด็นบวกจากความคาดหวังต่อแนวโน้มธุรกิจและผลประกอบการที่ดี อย่างไรก็ตาม นักลงทุนควรศึกษาพื้นฐานและความเสี่ยงของหุ้นก่อนลงทุน พร้อมระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรในกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากราคาปรับขึ้นมามากตั้งแต่ช่วงต้นปี ส่งผลให้อัพไซด์จากราคาเป้าหมายเริ่มจำกัด

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button