8 หุ้น mai ชวนผวา! ครึ่งปีแรกราคารูดเกิน 30%

“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 มิ.ย.59 พบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจซึ่งราคาปรับตัวลงเกิน 30% จำนวน 8 ตัว ดังต่อไปนี้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ mai ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 มิ.ย.59 พบว่ามีหุ้นที่น่าสนใจซึ่งราคาปรับตัวลงเกิน 30% จำนวน 8 ตัว ดังต่อไปนี้

ตารางหุ้น mai ที่ราคาช่วง 6 เดือนแรกของปี 59 ปรับตัวลงเกิน 30%

 

หลักทรัพย์ 30-มิ.ย.-59 30-ธ.ค.-58 เปลี่ยนแปลง
บาท %
 TAKUNI              2.14            3.90 -1.76 -45.13
 EFORL              0.46            0.77 -0.31 -40.26
 LDC              1.71            2.66 -0.95 -35.71
 AUCT              6.85           10.70 -3.85 -35.98
 SR              2.86            4.30 -1.44 -33.49
 BSM              0.42            0.62 -0.20 -32.26
 DIMET              3.90            5.70 -1.80 -31.58
 FOCUS              1.86            2.66 -0.80 -30.08

 

อันดับที่ 1  บริษัท ทาคูนิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TAKUNI ผู้ดำเนินธุรกิจค้าก๊าซปิโตรเลียมเหลว (Liquid Petroleum Gas: LPG) และธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับก๊าซปิโตรเลียมเหลวราคาหุ้น 6 เดือนแรกลดลง 45.13% 

ขณะที่บริษัทรายรายผลประกอบการไตรมาส 1/59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 0.93 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.002 บาทต่อหุ้น ลดลง 97% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 28.41 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.071 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวปรับตัวลงเนื่องจาก บริษัทมีรายได้จากการขายและให้บริการลดลง

 

อันดับที่ 2 บริษัท อี ฟอร์ แอล เอม จำกัด (มหาชน) หรือ  EFORL ผู้ดำเนินธุรกิจตัวแทนจำหน่าย และนำเข้าเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ ราคาหุ้น 6 เดือนแรกลดลง 40.26%  

ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงเนื่องจาก ไตรมาส 1/59 บริษัทขาดทุนสุทธิ 32.26 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.0035 บาทเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 103.11 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.0112 บาท จากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลง ขณะที่ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น

อันดับที่ 3  บริษัท แอลดีซี เด็นทัล จำกัด (มหาชน) หรือ LDC ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการทางทันตกรรมแบบครบวงจรโดยทันตแพทย์เฉพาะทาง ราคาหุ้น 6 เดือนแรกลดลง 35.71%

ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงเนื่องจากไตรมาส 1/59 มีผลขาดทุนสุทธิ 13.86 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.04 บาทต่อหุ้น ขาดทุนเพิ่มขึ้น 178% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 4.98 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.03 บาทต่อหุ้น โดยผลการดำเนินงานที่ขาดทุนเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทมีต้นทุนในการบริการ และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้น

อันดับที่ 4 บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT ผู้ดำเนินธุรกิจด้านการประมูลแบบเปิด ราคาหุ้น 6 เดือนแรกลดลง 35.98

ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นที่ปรับลดลงเนื่องจากไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิ 31.6 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.06 บาท ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 61.35 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท จากการลดลงของรายได้และกำไร สาเหตุหลักมาจากภาพรวมอุตสาหกรรมรถยนต์ปรับตัวลดลง 

 

อันดับที่ 5  บริษัท สยามราช จำกัด (มหาชน) หรือ SR ผู้ดำเนินธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรมก่อสร้างสถานีวัดและระบบท่อส่งก๊าซธรรมชาติ ราคาหุ้น 6 เดือนแรกลดลง 33.49%  

 

ส่วนอันดับที่ 6-8 ราคาลดลงเกิน 30%ได้แก่ บริษัท บิวเดอสมาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ BSM, บริษัท ไดเมท (สยาม) จำกัด (มหาชน) หรือ DIMETบริษัท โฟคัส ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ FOCUS 

 

 

ทั้งนี้ การที่ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลง ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากแนวโน้มธุรกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวหรือมีผลขาดทุน อย่างไรก็ตาม การที่ราคาหุ้นอ่อนตัวอาจเป็นโอกาสในการเข้าลงทุนเพื่อคาดหวังต่อการฟื้นตัวของราคาหุ้นในอนาคต ถึงกระนั้นนักลงทุนควรศึกษาพื้นฐานและความเสี่ยงของหุ้นก่อนลงทุน พร้อมระมัดระวังในการเข้าเก็งกำไรในกลุ่มดังกล่าว เนื่องจากราคาอาจอ่อนตัวลงได้อีกหากธุรกิจยังไม่สามารถฟื้นตัวได้หรือมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทในอนาคต

 

*ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น มิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button