บร๊ะเจ้า! หุ้นบลูชิพ 7 เดือน ขึ้นมากกว่าลงชู 18 หุ้นผลตอบแทนชนะ SET-SET50
บร๊ะเจ้า! หุ้นบลูชิพ 7 เดือน ขึ้นมากกว่าลง ชู 18 หุ้นเด็ดผลตอบแทนชนะ SET-SET50 นำโดย CBG,GPSC,BEM, IVL,CPF,ROBINS,HMPRO,PTTEP,KCE,PTT,TRUE, SCB,CPALL,EGCO,KBANK,TU,CPN และ PTTGC
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET50 ช่วง 7 เดือน โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-29 ก.ค.59 โดยพบว่าหุ้นส่วนใหญ่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมากกว่าปรับตัวลดลง โดยมีหุ้นที่ปรับตัวขึ้นทั้งหมด 38 ตัว ขณะที่มีหุ้นที่ปรับตัวลง 12 ตัว
ขณะเดียวกันหากสังเกตหุ้นที่ปรับตัวขึ้นจะมีหุ้น 18 ตัวที่ให้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์(SET) และดัชนีกลุ่ม (SET50) โดยเห็นได้จากดัชนีตลาดช่วง 7 เดือนเพิ่มขึ้น 18.32% จากระดับ 1288.02 จุด (30 ธ.ค. 58) บวก 236.05 จุด มาอยู่ที่ระดับ 1524.07 จุด ( 29 ก.ค.59) ส่วนดัชนี SET50 เพิ่มขึ้น 18.55% จากระดับ 813.55 จุด บวก 150.89 จุด มาอยู่ที่ 964.44 จุด (29 ก.ค.59) นำโดย CBG,GPSC,BEM, IVL,CPF, ROBINS,HMPRO,PTTEP,KCE,PTT,TRUE, SCB,CPALL,EGCO,KBANK,TU,CPN และ PTTGC
หลักทรัพย์ | 30-มิ.ย.-59 | 30-ธ.ค.-58 | เปลี่ยนแปลง | |
บาท | % | |||
CBG | 62.00 | 34.50 | 27.50 | 79.71 |
GPSC | 39.25 | 22.20 | 17.05 | 76.80 |
BEM | 8.40 | 5.25 | 3.15 | 60.00 |
IVL | 33.25 | 21.30 | 11.95 | 56.10 |
CPF | 28.00 | 18.30 | 9.70 | 53.01 |
ROBINS | 66.00 | 43.50 | 22.50 | 51.72 |
HMPRO | 10.10 | 6.80 | 3.30 | 48.53 |
PTTEP | 82.50 | 57.25 | 25.25 | 44.10 |
KCE | 97.00 | 70.00 | 27.00 | 38.57 |
PTT | 330.00 | 244.00 | 86.00 | 35.25 |
TRUE | 8.95 | 6.70 | 2.25 | 33.58 |
SCB | 158.50 | 119.50 | 39.00 | 32.64 |
CPALL | 51.75 | 39.25 | 12.50 | 31.85 |
EGCO | 199.00 | 151.50 | 47.50 | 31.35 |
KBANK | 197.50 | 150.50 | 47.00 | 31.23 |
TU | 21.80 | 17.20 | 4.60 | 26.74 |
CPN | 57.50 | 47.00 | 10.50 | 22.34 |
PTTGC | 60.75 | 50.00 | 10.75 | 21.50 |
ADVANC | 178.00 | 152.00 | 26.00 | 17.11 |
CK | 33.75 | 29.00 | 4.75 | 16.38 |
GLOW | 85.75 | 74.00 | 11.75 | 15.88 |
INTUCH | 60.00 | 52.00 | 8.00 | 15.38 |
IRPC | 4.96 | 4.30 | 0.66 | 15.35 |
AOT | 395.00 | 346.00 | 49.00 | 14.16 |
MINT | 40.75 | 36.25 | 4.50 | 12.41 |
BBL | 170.50 | 152.50 | 18.00 | 11.80 |
TCAP | 40.75 | 36.50 | 4.25 | 11.64 |
SCC | 510.00 | 460.00 | 50.00 | 10.87 |
WHA | 3.14 | 2.86 | 0.28 | 9.79 |
TPIPL | 2.28 | 2.10 | 0.18 | 8.57 |
TTW | 11.50 | 10.60 | 0.90 | 8.49 |
LH | 10.20 | 9.45 | 0.75 | 7.94 |
DTAC | 32.50 | 30.25 | 2.25 | 7.44 |
KTB | 17.40 | 16.70 | 0.70 | 4.19 |
PS | 27.50 | 26.50 | 1.00 | 3.77 |
BTS | 9.40 | 9.10 | 0.30 | 3.30 |
BCP | 33.50 | 33.00 | 0.50 | 1.52 |
BDMS | 22.50 | 22.30 | 0.20 | 0.90 |
BA | 22.70 | 23.10 | -0.40 | -1.73 |
BANPU | 15.70 | 16.00 | -0.30 | -1.88 |
CENTEL | 41.25 | 44.00 | -2.75 | -6.25 |
TMB | 2.26 | 2.42 | -0.16 | -6.61 |
DELTA | 71.25 | 76.50 | -5.25 | -6.86 |
TOP | 60.75 | 66.00 | -5.25 | -7.95 |
MTLS | 18.90 | 21.30 | -2.40 | -11.27 |
BH | 184.00 | 211.00 | -27.00 | -12.80 |
BEC | 24.70 | 30.50 | -5.80 | -19.02 |
SAWAD | 38.50 | 47.75 | -9.25 | -19.37 |
BLA | 41.25 | 55.50 | -14.25 | -25.68 |
TASCO | 26.50 | 40.50 | -14.00 | -34.57 |
โดย อันดับ 1 บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ CBG ราคาช่วง 7 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 79.71% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 34.50บาท บวก 27.50 บาท มาอยู่ที่ 62.00บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่ได้ปัจจัยบวกทิศทางธุรกิจที่ยังสดใส และการสร้างกำไรอย่างเนื่องทำให้นักลงทุนเชื่อมั่นในการลงทุน
โดยในปีนี้บริษัทยังคงเป้ายอดขายเติบโต 15-20% จากปีก่อนที่ 7.8 พันล้านบาท แม้ว่าไตรมาส 1/59 จะมียอดขายสูงถึง 2.1 พันล้านบาท ซึ่งมาจากการเติบโตมาจากยอดขายทั้งในและต่างประเทศ โดยเฉพาะยอดขายต่างประเทศเติบโตมาจากตลาดกัมพูชา และการฟื้นตัวของยอดขายในอัฟกานิสถาน ขณะที่ยอดขายในประเทศเติบโตจากสินค้าหลักที่ผ่านการกระตุ้นยอดขายผ่านทางการใช้รถขายเงินสด (Cash Van) ทั้งสินค้าของบริษัทและพันธมิตร เช่น สาหร่ายโกริโกะ และน้ำดื่มคาราบาว เป็นต้น
อันดับ 2 บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC ราคาช่วง 7 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 76.80% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 22.20บาท บวก 17.05 บาท มาอยู่ที่ 39.25บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวแรงส่วนใหญ่ได้ปัจจัยบวกในเรื่องแผนธุรกิจที่ออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เมืองอิชิโนเซกิ ประเทศญี่ปุ่น 20.8 MW มูลค่า 3.15 พันลบ. เริ่ม COD ได้ในไตรมาส 4/60 และเล็งร่วมทุนตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่สำหรับสะสมพลังงานโซลาร์ชัดเจนปี 60 อีกทั้งบริษัทประกาศงบไตรมาส 1/59 ออกมาโดดเด่น และนักวิเคราะห์แนะนำให้ลงทุนยิ่งทำให้ราคาหุ้นพุ่งแรง
ส่วนกำไรในไตรมาส 2/59 คาดจะดีขึ้นจากระดับ 473.71 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการรับรู้ผลประกอบการของโครงการ IRPC-CP เฟส 1 ที่ถือหุ้นอยู่ 51% ที่เริ่มเดินเครื่องผลิตในเดือน พ.ย.58 ขณะที่รับรู้ผลประกอบการโรงไฟฟ้านวนคร ขนาด 125 เมกะวัตต์ ที่ถือหุ้นอยู่ 30% ซึ่งเริ่มขายไฟฟ้าและไอน้ำในเชิงพาณิชย์ในเดือน มิ.ย.อีกเล็กน้อยในไตรมาสนี้ ทั้งสองโครงการดังกล่าวจะช่วยหนุนให้ผลกำไรในช่วงครึ่งหลังปีนี้ และผลักดันให้ทั้งปี 59 มีกำไรสุทธิดีกว่าระดับ 1.9 พันล้านบาทในปีที่แล้วด้วย นอกจากนี้ในปีนี้ยังมีลูกค้าจากโครงการฟีนอล 2 ของกลุ่ม บมจ.ปตท. (PTT) เข้ามาเพิ่มขึ้นด้วย
อันดับ 3 บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM ราคาช่วง 7 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 60% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 5.25บาท บวก 3.15 บาท มาอยู่ที่ 8.40บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวแรงมีปัจจัยหลายด้าน อาทิ ความคาดหวังประเด็นข้อพิพาทค่าทางด่วน 8 พันล้านบาท (เงินต้น 4.4 พันล้านบาท + ดอกเบี้ยที่คิดเป็นรายวันตั้งแต่ เม.ย. 2008) ที่อนุญาโตตุลาการชี้ขาดตั้งแต่ต้น มี.ค.ให้ กทพ.จ่ายค่าชดเชยให้ BEM ประกอบกับแผนธุรกิจรถไฟฟ้ามองว่าจะพลิกมีกำไร หลังเดินรถไฟฟ้าสายสีม่วงช่วงบางใหญ่-เตาปูน เริ่มให้บริการตั้งแต่ 6 ส.ค.59 ซึ่งเร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมในเดือน ธ.ค.59 นอกจากนี้ความคาดหวังเรื่องโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายมีโอกาสที่บริษัทจะได้บริหาร ยิ่งทำให้ราคาหุ้นปรับตัวแรงตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา
ขณะที่ความคืบหน้าล่าสุด รฟม.ได้มีมติจ้าง BEM ด้วยวิธีพิเศษ โดยทำสัญญาชั่วคราวในการจ้างเดินรถและติดตั้งระบบรวมทั้งระบบอาณัติสัญญาณ 1 สถานี ระหว่างสถานีเตาปูน-สถานีบางซื่อ ระหว่างที่การเจรจาสัญญาเดินรถส่วนต่อขยายยังไม่ได้ข้อสรุป
อันดับ 4 บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน)หรือ IVL ราคาช่วง 7 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 56% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 11.95บาท บวก 21.30 บาท มาอยู่ที่ 33.25บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวแรง เนื่องจากปีนี้ยังคงเดินหน้าสร้างการเติบโตทางธุรกิจผ่านการควบรวมและเข้าซื้อกิจการ (M&A) อย่างต่อเนื่อง อาทิ การเข้าซื้อหุ้นทั้ง 100% โรงงานผลิต PX, PTA และผลิตภัณฑ์พลอยได้ NDC ในสหรัฐฯ ที่เป็นธุรกิจขนาดใหญ่จากกลุ่ม British Petroleum (BP)
โดยรวมแล้ว การเข้าซื้อกิจการอย่างต่อเนื่องในช่วงที่ผ่านมา และในอนาคตจะช่วยหนุนให้ปริมาณขายและผลประกอบการในปีนี้และนับจากนี้ไปเป็นขาขึ้นอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งส่วนหนึ่งได้อานิสงส์จากส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี (Spread) ที่ทยอยปรับตัวดีขึ้นในปีนี้
นอกจากนี้นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรผลประกอบไตรมาส 2/59 คาดจะออกมาดี ประมาณกว่า 4,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับไตรมาส 1/59 และยังโตกว่างวดเดียวกันของปีก่อนด้วย ยิ่งเป็นแรงหนุนให้ราคาปรับตัวแรงตลอด 7 เดือนที่ผ่านมา
อันดับ 5บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF ราคาช่วง 7 เดือนปรับตัวเพิ่มขึ้น 53.01% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 18.30บาท บวก 9.70 บาท มาอยู่ที่ 28.00บาท ณ วันที่ 29 ก.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวแรงน่าจะเป็นผลมาจากมองราคาหุ้นผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วปีก่อน และจะกลับมาดีขึ้นในปี 59 เพราะราคาเนื้อหมูและไก่ฟื้นตัว รวมถึงราคากากถั่วเหลืองซึ่งเป็นต้นทุนวัตถุดิบอาหารสัตว์มีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง
อีกทั้งปัญหา EMS ในกุ้งคลี่คลายและต้นทุนธุรกิจกุ้งลดลงจากการลดขนาดโรงงานแปรรูปกุ้ง ธุรกิจปีนี้จึงมีแนวโน้มกลับมาเป็นกำไรปีนี้หลังจากขาดทุนไปเยอะเมื่อปีก่อนทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้าลงทุนตลอดช่วง 7 เดือนที่ผ่านมา
สำหรับผลประกอบการไตรมาส 2-3/59 คาดมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง จากคาดกำไรสุทธิปี 59 ซึ่งมีแนวโน้มจะขยายตัว 43% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน
ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว ส่วนใหญ่ได้ปัจจัยบวกให้เห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการวางแผนธุรกิจของผู้บริหาร ส่งผลให้ผลประกอบการเป็นไปได้ด้วยดี จึงทำให้นักลงทุนมั่นใจเข้ามาลงทุน แต่อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ในภาวะแรงซื้อมากเกินไป นักลงทุนก็ต้องระวังการเข้าลงทุนไว้ด้วย ดังนั้นนักลงทุนน่าจะพิจารณาหุ้นที่ปรับตัวลงแรง อาทิ BA, BANPU, CENTEL, TMB, DELTA, TOP, MTLS, BH, BEC, SAWAD, BLA และ TASCO สำหรับการลงทุนรอบใหม่ เพราะอย่าลืมว่าหุ้นในกลุ่ม SET50 ล้วนแต่มีพื้นฐานแข็งแกร่ง การเก็บหุ้นช่วงอ่อนตัวก็น่าจะได้ผลตอบแทนสวยหรูในอนาคตก็เป็นได้
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน