3 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” TTCL ชูอนาคตสดใส-ลุ้นคว้างานเพียบ
3 โบรกฯ แนะ“ซื้อ” TTCL มองผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น หลังเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ญี่ปุ่น มั่นใจหนุนกำไรระยะยาวอนาคตมีโอกาสคว้างานอีกเพียบ ราคาเป้าหมายพุ่ง 33 บาท Upside กว่า 29.41%
3 โบรกฯ แนะ“ซื้อ” TTCL มองผลงานครึ่งปีหลังโดดเด่น หลังเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) ญี่ปุ่น มั่นใจหนุนกำไรระยะยาวอนาคตมีโอกาสคว้างานอีกเพียบ ราคาเป้าหมายพุ่ง 33 บาท Upside กว่า 29.41%
หลังจากบริษัท ทีทีซีแอล จำกัด (มหาชน) หรือ TTCL รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 95.08 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.17 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 88.47 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.16 บาทต่อหุ้นส่งผลให้ราคาหุ้นขยับขึ้นมาอย่างต่อเนื่องเป็นวันที่ 3
โดยล่าสุดราคาหุ้น TTCL ปิดตลาดวานนี้ (18 ส.ค.) ราคาอยู่ที่ 25.50 บาท บวก 1.60 บาท หรือ 6.69% มูลค่าซื้อขาย 957.78 ล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีประเด็นบวกหลังจากที่บริษัทได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) พลังงานแสงอาทิตย์ที่ญี่ปุ่นจำนวน 25 MWมูลค่าโครงการราว 3 พันลบ.เป็นที่เรียบร้อย โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดว่าจะช่วยหนุนกำไรในระยะยาวได้เป็นอย่างดี
รวมถึงมีข่าวดีโรงไฟฟ้า Ahlone120 MW จะกลับมาดำเนินงานได้ปกติในครึ่งปีหลังของปี 59 และอัตรากำไรขั้นต้นของงาน EPC กลับมาฟื้นตัว เนื่องจากไม่มีวันหยุดยาวซึ่งต่างจากไตรมาส 2/59ที่มีวันหยุดยาวมาก
ด้านนักวิเคราะห์บล. เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (16ส.ค.) ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 โตโดดเด่นจากการกลับมาเดินเครื่องของโรงไฟฟ้า Ahlone120 MW ในประเทศพม่า และความต่อเนื่องของงานก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรมแบบครบวงจร (EPC) ในมาเลเซีย ลาว
ทั้งนี้จึงประมาณการรายได้ของปีนี้ที่ 23,714 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน กำไรสุทธิคาดว่าอยู่ที่ 546 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากปีก่อน หลังมี Backlog ในมือกว่า 26,000 ล้านบาท รวมทั้งมี upside จากการบันทึกการค่าชดเชยความเสียหายจากประกันภัยของโรงไฟฟ้าAhloneซึ่งคาดว่าจะเข้ามาประมาณ 100 ล้านบาทในครึ่งปีหลังของปีนี้
นอกจากนี้มั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลัง TTCL จะมีโอกาสชนะประมูลงานใหม่มากกว่าเป้าที่ตั้งไว้ที่ 15,000 ล้านบาท ซึ่งหากรวมงานประเทศเติร์กเมนิสถาน มูลค่างาน 8,500 ล้านบาทแล้ว คาดว่าจะชนะงานใหม่ที่ประมาณ 20,000 ล้านบาท
ดังนั้นจึง แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 29 บาท
ด้านนักวิเคราะห์บล. ดีบีเอสฯ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (13ส.ค.) ว่า TTCL มีโอกาสได้รับสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) จากโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหิน กำลังการผลิต 1,280 MW ที่พม่า ในไตรมาส 4/59 รวมทั้งจะได้รับงาน EPC มูลค่าสูงถึง 55 พันล้านบาท พร้อมทั้งมองว่าในอนาคตจะมีรายได้ที่มั่นคง สม่ำเสมอ จากการขายไฟฟ้า
ดังนั้น ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” จากเดิม “ถือ”ด้วยราคาเป้าหมายใหม่ที่ 30 บาท Upside 29% หลังมองว่าความเสี่ยงที่โครงการโรงไฟฟ้า1,280 MW จะช้าหรือถูกยกเลิกน้อยลงรวมทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของ EPC ดีขึ้น จึงได้ปรับเพิ่มประมาณการปีนี้อีก 3% และปีหน้ามากถึง 93% โดยคาดว่าปี 60 จะบันทึกรายได้โรงไฟฟ้าดังกล่าวได้ถึง 6.8 พันล้านบาท ด้านอัตราการเติบโตกำไรหลักปีนี้อยู่ที่ 127% และปีหน้าสูงเป็น31% ตามลำดับ
ด้านนักวิเคราะห์บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ (18 ส.ค.) ว่า TTCL มีแนวโน้มดีผลประกอบการดีขึ้นและมี upsideสูง จากการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจ EPC ที่ไม่ต้องรับรู้ผลขาดทุนของบริษัทในเวียดนาม รวมถึงมี upsideจากโครงการโรงไฟฟ้า 1,280 MW ที่เมียนมาที่จะเริ่มก่อสร้างในครึ่งปีหลังปี 60 และหากโครงการต่างๆ ไม่เกิดสะดุด ไม่ล่าช้า หรือ ต้นทุนสูงขึ้นupsideจากมูลค่าที่เหมาะสมจะเพิ่มขึ้น44.5 บาท
ทั้งนี้ บริษัทมี Backlog อยู่ที่ 3.51 หมื่นล้านบาทเพียงพอที่จะรับรู้รายได้ไปอีก 2 ปี แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทอยู่ระหว่างการเข้าประมูลงานที่มีมูลค่ารวม 1.05 แสนล้านบาทโดยที่ 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะรู้ผลในปีนี้และจะรับรู้รายได้ในปี 60
ดังนั้นจึง แนะนำให้ “ซื้อ” โดยมีมูลค่าที่เหมาะสม 33 บาทคิดเป็น PER 24 เท่าสำหรับปี 60 (คิดตามค่าเฉลี่ย 5 ปีและ PEG ที่ 1 เท่า)
โดยเป็นที่น่าจับตาว่าราคาหุ้น TTCL จะยังสามารถปรับตัวขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกจากผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ที่ออกมาดี ขณะเดียวกันช่วงครึ่งปีหลังที่เหลือยังคงมีแนวโน้มสดใส ด้านราคาหุ้นยังมี Upside 29.41% จากราคาเป้าหมาย 33 บาท