กูรูฟัน EGCO ครึ่งปีหลังอนาคตสดใส กำไรพุ่งทำนิวไฮ P/E ต่ำกว่ากลุ่ม
EGCO กูรูพร้อมใจแนะสอยหลังแนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส valuation ถูกกว่าคู่แข่ง ตุน backlogs อีกเพียบ P/E ต่ำกว่ากลุ่มที่ 17.04 เท่าจาก 44.78 เท่า ของกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค อัพไซด์ 17.50 บาท จากราคาเป้าหมาย 230 บาท
กูรูพร้อมใจแนะสอย EGCO แนวโน้มครึ่งปีหลังสดใส ตุน backlogs เพียบ ราคาถูกกว่าคู่แข่ง P/E ต่ำกว่ากลุ่ม อัพไซด์ 17.05% จากราคาเป้าหมาย 230 บาท
ราคาขึ้นเป็นวันที่ 2 ติดต่อกัน สำหรับ ที่มีแนวโน้มทำกำไร new high รายปีต่อเนื่อง หลังมีแผนลงทุนโครงการใหม่ทั้งในและต่างประเทศจำนวนมาก ที่ช่วยหนุนกำไรพร้อมตุน backlogs อีกเพียบ
ด้านบล.เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230 บาท โดยมองว่า EGCO เป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตที่ชัดเจน ด้วย backlogs ที่มีอยู่ในมือ 7 โครงการ นอกจากนี้มีUpside อีกเพียบ หลังมีแผนการลงทุนโครงการใหม่ซึ่งทำให้ภาพการเติบโตมีความชัดเจนมากขึ้นทั้งจาก backlogs ที่มีอยู่ในมือจำนวนมาก และอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจายื่นข้อเสนอกับทางภาครัฐ อาทิ โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ในลาว มูลค่าลงทุน 1.4 พันล้านเหรียญ ได้ราวต้นปี 60 อีกด้วย
นอกจากนี้มีโรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิ ในเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ปากแบง ในลาว รวมถึงส่วนขยายยูนิต 3 ของโครงการพลังความร้อนใต้พิภพ SEG ซึ่งโครงการต่างๆ ล้วนเป็น upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณปัจจุบัน และถือเป็นการต่อยอดการเติบโตในระยะยาว หนุนกำไรขึ้นทำ new high รายปีได้ต่อเนื่อง
ทั้งนี้ ปรับเพิ่มประมาณปี 59-60 โดยมองว่าทิศทางกำไรเริ่มโดดเด่นในครึ่งปีหลังปี 59 โดยดูจาก 1) การปรับเพิ่มราคาขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าใต้พิภพ SEG ขึ้น 40% จากเดิม และ 2) การเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นใน MPPCL อีก 8.05% ภายใต้ประมาณการใหม่แนวโน้มกำไรปกติปี 59 จะกลับมาเติบโตสูงถึง 20.00% จากปีก่อน ทั้งนี้ในระยะสั้นคาดว่ากำไรปกติ ในครึ่งปีหลังจะเติบโตจากงวดครึ่งปีแรก จากการเริ่มผลิตของโครงการขนอม 4 รวมถึงการรับรู้สัดส่วนการลงทุนเพิ่มอีก 8.05% ในโรงไฟฟ้า MMPCL เป็นหลัก
ขณะเดียวกัน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 220 บาท โดยมีมุมมองเชิงบวก จากแผนการเติบโตในระยะเกินกว่า 5 ปี ด้วยกลยุทธ์หลักยังคงมุ่งเน้นการเติบในธุรกิจไฟฟ้าเป็นหลัก รวมทั้งมีความ ในการต่อยอดการเติบโตในอาเชียนที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าเติบโตสูง ขณะที่ในประเทศไทยส่วนขยายโรงไฟฟ้า BLCP และขนอมอาจเป็นทางเลือกสำหรับการเพิ่มสัดส่วนโรงไฟฟ้าถ่านหินและโรงไฟฟ้าภาคใต้ หากมีการปรับปรุงแผน PDP2015 หลังบางโครงการมีความล่าช้า นอกจากนั้น valuation ยังถูกกว่าคู่แข่งในกลุ่ม
รวมทั้งแผนการเติบโตในระยะยาวเกินกว่า 5 ปี หลังการเติบโตของกำลังการผลิตและผลประกอบการระยะกลาง (59-63) โดดเด่นกว่าเมื่อเทียบกับกลุ่ม โดยตั้งเป้าสัดส่วนกำไรจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน (รวมพลังน้ำ) เพิ่มเป็น 30% จากปัจจุบันที่ 16% ซึ่งมีความเป็นไปได้ โดยเฉพาะจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในลาวที่อยู่ระหว่างการเจรจา 2 โครงการ ได้แก่ โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ขนาด 650 MW ที่การก่อสร้างได้เริ่มดำเนินการไปแล้วขนานกับการเจรจาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (PPA) และโรงไฟฟ้าปากเบ็งขนาด 912 MW ล่าสุดอยู่ระหว่างการพิจารณาขั้นสุดท้ายของ Mekong River Committee นอกจากนั้นโรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ SEG ในอินโดนีเซียอยู่ระหว่างเจรจาค่าไฟฟ้าเพื่อก่อสร้างหน่วยที่ 3 ขนาด 60MW คาดเจรจาจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี ส่วนโรงไฟฟ้าหมุนเวียนอื่นมุ่งเน้นโครงการแสงอาทิตย์และลมที่ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลหลายประเทศในกลุ่มอาเซียน
รวมทั้งบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 220 บาท โดยมองว่าบริษัทมีกำไรและ upside ที่แข็งแกร่งโดยมองแนวโน้มธุรกิจของ EGCO ด้วยเหตุผลดังนี้ 1) มีสินทรัพย์ในพอร์ตการลงทุนปัจจุบันที่สามารถสร้างกำไรได้ดี โดยสามารถสร้างกำไรได้ 2.0-2.2 ลบ./MW, 2) กำไรปกติของบริษัทจะเติบโต 7.5% CAGR ในช่วง 2559-61, 3) มี upside จากการขยายธุรกิจในต่างประเทศ, 4) valuation ที่ต่ำ และ dividend yield ที่อยู่ในระดับกลางที่ 3.4-3.8% เทียบกับกลุ่มที่ 3.8-4.2% ซึ่งเรามองว่าที่ผลตอบแทนพันธบัตร 10 ปีในระดับที่ต่ำ 2.0-2.2% เราคาหุ้นนั้นจะสามารถยืนได้อย่างแข็งแกร่ง และมีโอกาสปรับตัวขึ้นได้อีก
โดยล่าสุดราคาหุ้น EGCO ปิดตลาด (2 ก.ย.) ที่ 196.50 บาท บวก 1.50 บาท หรือ 0.77% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 192.07 ล้านบาท
ทั้งนี้มองว่าราคาหุ้นยังไปต่อหลังจากบริษัทมีแผนลงทุนอีกจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ ที่จะช่วยหนุนกำไรระยะยาว รวมทั้ง P/E ต่ำกว่ากลุ่มที่ 17.04 เท่าจาก 44.78 เท่า ของกลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค