BDMS หุ้นสายแข็งกลุ่ม รพ.ผลงาน Q3/59 แจ่ม-เข้าไฮซีซั่น

BDMS หุ้นสายแข็งกลุ่มรพ. ผลงาน Q3/59 แจ่ม!-เข้าไฮซีซั่น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยวานนี้ (5 ก.ย.) ปรับตัวลงหนัก โดยปิดตลาดปรับตัวลง 23.75 จุด หรือ 1.56% อย่างไรก็ตาม บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ผู้ประกอบการธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ของประเทศยังสามารถปรับตัวขึ้นสวนภาวะตลาดฯ อีกทั้งมีมูลค่าซื้อขายที่หนาแน่น ซึ่งทางนักวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” มองแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/59 ยังปรับตัวขึ้นได้ดีกว่าไตรมาสก่อนหลังเข้าช่วงไฮซีซั่น โดยล่าสุดราคาหุ้นปิดตลาดวานนี้อยู่ที่ 22.70 บาท ปรับตัวขึ้น 0.10 บาท หรือ 0.44% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท ซึ่งยังมี Upside 32.16% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 30 บาท 

 

ด้าน นางนฤมล น้อยอ่ำ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้าน BDMS เปิดเผยว่า บริษัทได้ปรับลดเป้ารายได้ในปีนี้ลงเหลือเติบโต 8-10% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้เติบโต 12-15% จากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 6.51 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้มีการทบทวนเป้าหมายอีกครั้งหลังจากผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกออกมา

ทั้งนี้ รายได้ของบริษัทในครึ่งปีแรกเติบโต 9% จากปีก่อน หรือมาอยู่ที่ 3.37 หมื่นล้านบาท ทำให้บริษัทต้องมีการพิจารณาเป้าหมายรายได้ของบริษัทให้มีความสอดคล้องกัน แม้ว่าครึ่งปีหลังจะเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจที่มีคนไข้เข้ามารักษาพยาบาลเพิ่มขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยในปีนี้บริษัทคาดว่ารายได้จะอยู่ที่ราว 7 หมื่นล้านบาท

“ปรับเป้ารายได้ลงเป็นโต 8-10% ให้สอดคล้องความจริงที่เกิดขึ้นของโรงพยาบาลในเครือเรา และพิจารณาเป็นไปตามการเติบโตของรายได้ของบริษัทในครึ่งปีแรกที่โต 9% ซึ่งภาวะเศรษฐกิจของโลกที่ชะลอตัวไม่กระทบกับการเข้ามารักษาพยาบาลของคนไข้มากนัก แต่เราปรับลงให้เป็นไปในภาพรวมของโรงพยาบาลทั้งหมดในเครือ แต่การเติบโตที่ 8-10% ของเราก็ถือว่ายังสูงอยู่ เพราะเศรษฐกิจไทยขยายตัวราว 3% และการเติบโตของเราก็ยังถือว่าสูงกกว่าอุตสาหกรรม”นางนฤมล กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังคงเป้าหมาย EBITDA Margin ในปีนี้ไว้ที่ 22% สูงขึ้นจากปีก่อนที่ 17.23% และยังคงงบลงทุนรวมในปีนี้ไว้ที่ 11% ของรายได้

ส่วนแนวโน้มรายได้ในไตรมาส 3/59 บริษัทคาดว่าจะดีกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจโรงพยาบาล และในช่วงไตรมาส 3/59ได้รับปัจจัยหนุนจากการหมดช่วงฤดูกาลถือศีลอด และเป็นช่วงฤดูร้อนของตะวันออกกลางและเอเชียตะวันออก ประกอบกับเป็นช่วงฤดูฝนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้จะมีการเจ็บป่วยที่มาจากโรคที่เกิดขึ้นตามฤดุกาลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งทำให้มีจำนวนคนไข้เข้ามารับการรักษาเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 3/59

ทั้งนี้เริ่มเห็นการฟื้นตัวกลับมาของรายได้ค่ารักษาพยาบาลตั้งแต่เดือน ก.ค.เป็นต้นมา โดยสัดส่วนคนไข้ที่เข้ารับการรักษาโรงพยาบาลในเครือของบริษัทยังเป็นคนไทยในสัดส่วนที่ 70% และอีก 30% เป็นคนไข้จากต่างประเทศ โดยคนไข้ต่างประเทศที่เข้ารับการรักษาในเครือโรงพยาบาลของบริษัทมากที่สุดเป็นอันดับ 1 คือ ชาวญี่ปุ่น และรองลงมาเป็นคนไข้จากตะวันออก

 

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (5 ก.ย.) ว่า คาดกำไรไตรมาส 3/59 ฟื้นตัวตามการใช้บริการเพิ่ม หนุนกำไรทั้งปี 59 โต 6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่ระดับ 8.4 พันล้านบาทจากการเร่งเพิ่ม EBITDA margin จากการขยายฐานลูกค้าต่างชาติ

ส่วนเพิ่มน้ำหนักการลงทุนของ FTSE All-World APAC รอบใหม่ BDMS ถูกเพิ่มน้ำหนักราว 3.85 พันลบ. และจะมีผลการปรับน้ำหนักวันที่ 16 ก.ย. 59

โดยราคาปัจจุบันเทรดที่ระดับ PER17 เท่า ใกล้เคียงกลุ่มที่ 37 เท่า ขณะที่คาดกำไรปี 59-61 โต 17% มากกว่ากลุ่มที่ 15% แนะซื้อราคาเป้าหมาย 30 บาท พร้อม Upside เปิดกว้าง 27.65%

 

นอกจากนี้นักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะนำ ซื้อ BDMS หลังจากเห็นว่า BDMS มีความเหมาะสมที่จะเป็นหลักทรัพย์ตัวแทนกลุ่มโรงพยาบาลใน SET สืบเนื่องจากมีโครงข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่สุดในไทย สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 ที่ไม่สดใสถือว่าเป็นการสะอึกชั่วคราว และเห็นว่าราคาหุ้นได้ถูกสะท้อนเรื่องนี้ไปแล้ว ส่วนแผนการขยายในเชิงรุกคาดว่าจะสิ้นสุดลงในปี 61 เมื่อมีโรงพยาบาลทั้งหมดในกลุ่มไปถึงระดับ 50 แห่ง ก็จะยังผลให้การลงทุนในจำนวนเงินที่มากๆชะลอลง และเริ่มกลับมามีกำไรได้จากส่วนที่ขยายตัวไปในช่วงที่ผ่านมา

ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในงวดปี 60 กำไรจะเติบโตได้ถึง 18% จากปีก่อน (หลังจากปี 59 เพิ่มได้ 11% จากปีก่อน) เมื่อโรงพยาบาลใหม่ที่เปิดไปกลายมาเป็นโรงพยาบาลในปัจจุบันแล้ว และเริ่มกลับมาให้กำไรได้ อีกทั้งการเพิ่มโรงพยาบาลไปถึง 50 แห่งก็ดูแล้วจะไม่ยาก เพราะจำนวนโรงพยาบาลในปัจจุบันเป็น 43 แห่ง โดยที่โครงการโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งจะแล้วเสร็จในปี 60-61 มีที่ดินเปล่วทำโรงพยายาบาลอีก 3 แห่ง ดังนั้นหาก BDMS ซึ้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 2 แห่ง ก็จะได้ครบตามจำนวน 50 แห่งแล้ว

โดยคงคำแนะนำ ซื้อ ปรับราคาพื้นฐานใหม่เป็น 27 บาท ซึ่งเลื่อนไปใช้ปี 60 (roll over) และประเมินด้วยวิธี DCF เราชื่นชอบปัจจัยพื้นฐานของ BDMS ในเรื่องการมีโครงข่ายโรงพยาบาลในมือที่แข็งแกร่งภายในประเทสไทย รวมทั้งความมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับของผู้บริโภคในวงกว้าง 

Back to top button