เปิด 10 หุ้น แมงเม่าเข็ดขยาด!8 เดือนราคาร่วงแรงเกิน 20%

เปิด 10 หุ้น แมงเม่าเข็ดขยาด! 8 เดือนราคาร่วงแรงเกิน 20% นำโดย SOLAR,TASCO,MAX,JWD,KC,SPORT,EMC,TCC,ACC และ PRANDA คาดเป็นโอกาสได้เก็บของถูกเข้าพอร์ต


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 8 เดือนแรกปี 59 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 ส.ค. 59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกิน 20% เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 10 ตัว ประกอบด้วย SOLAR,TASCO,MAX,JWD,KC,SPORT,EMC,TCC,ACC และ PRANDA ดังนี้

หลักทรัพย์ 31-ส.ค.-59 30-ธ.ค.-58 เปลี่ยนแปลง
บาท %
SOLAR 4.86 9.90 -5.04 -50.91
TASCO 24.10 40.50 -16.40 -40.49
JWD 9.45 13.47 -4.02 -29.84
KC 1.49 2.12 -0.63 -29.72
SPORT 1.44 2.02 -0.58 -28.71
EMC 0.15 0.21 -0.06 -28.57
TCC 1.08 1.51 -0.43 -28.48
ACC 0.72 1.00 -0.28 -28.00
PRANDA 3.60 4.92 -1.32 -26.83
CSS 3.50 4.78 -1.28 -26.78

 

อันดับ 1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาช่วง 8 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 50.91 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท  ลบ 5.04 บาท มาอยู่ที่ 4.86 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค. 59 ราคาหุ้นอ่อนตัวมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส เห็นได้จากบริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว

อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2559 ของบริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 13.56 ล้านบาท หลังทยอยรับรู้รายได้จากงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1.79 พันล้านบาท ประกอบกับมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ ซึ่งมีคำสั่งซื้อเข้ามาต่อเนื่องและในอนาคตจะมีงานใหม่ๆ เพิ่มขึ้นอีกด้วย

ดังนั้นบริษัทจึงคาดว่าแนวโน้มผลประกอบการโดยรวมในปีนี้จะดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา นอกจากนี้บริษัทยังเป็นเจ้าของโซลาร์ฟาร์มขนาด 9 เมกะวัตต์ ที่จะสร้างเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และรับรู้รายได้ต่อเนื่องอีก 25 ปี

 

อันดับ 2 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO ราคาช่วง 8 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 40.49 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท  ลบ 16.40 บาท มาอยู่ที่ 24.10 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค. 59 ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรเนื่องจากหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงก่อนกน้านี้ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ส่งผลให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านบล.ดีบีเอสฯ ระบุว่า ราคาขายยางมะตอยต่างประเทศปัจจุบันอยู่ในระดับต่ำที่ 40 ดอลลาร์สหรัฐ/ตัน ซึ่งกระเตื้องขึ้นจากระดับต่ำสุดในช่วงไตรมาส 2/59 ที่ 38 ดอลลาร์/ตันไม่มาก เนื่องจากมีอุปทานใหม่เข้ามาเพิ่มหลังผู้ประกอบการในภูมิภาคใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ประมาณการว่าราคาขายยางมะตอยเฉลี่ยในไตรมาส 3/59 จะอ่อนลง เนื่องจากอุปสงค์ที่ชะลอตัวทั้งในประเทศและต่างประเทศ ยิ่งทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวลงต่อเนื่อง

แนะนำถือ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ DBSV ปรับลดคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59-60 ลง 19% และ 16% ตามลำดับ สะท้อนรายได้ที่ต่ำกว่าคาด (เพราะราคาขายยางมะตอยต่ำกว่าที่เราเคยประมาณการไว้) ซึ่งทำให้ราคาพื้นฐาน TASCO ลดลงเป็น 25 บาท (อิงกับ P/E ปี 60 ที่ 10 เท่า (+0.5SD)

 

อันดับ 3  บริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน)  หรือ JWD ราคาช่วง 8 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 29.84 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 13.47 บาท  ลบ 4.02 บาท มาอยู่ที่ 9.45 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค. 59 คาดนักลงทุนขายทำกำไรหลังหุ้นขึ้นไปมาก อีกทั้งผู้ถือหุ้นใหญ่ 2 รายขาย Biglot ให้กองทุนรวม 40,081,000 หุ้น หรือ 6.68% ประกอบกับช่วงดังกล่าวขึ้นเครื่องหมาย XD (4 พ.ค.) เพื่อจ่ายปันผลเป็นหุ้นและเงินสด  โดยจ่ายเป็นเงินสด 0.0388888889 บาท/หุ้น และเป็นหุ้น 10 : 7 ทำให้ราคาหุ้นรูดหนัก

อีกทั้งบริษัทแจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2/59 มีกำไร 7.65 ล้านบาท ลดลง 89.53% จากปีก่อนมีกำไร 73.42 ล้านบาท เนื่องจากรายได้ค่าเช่าและรายได้จากการบริการลดลง ยิ่งทำให้นักลงทุนขายหุ้นออกมาตลอดช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

อย่างไรก็ตามปีนี้บริษัทตั้งเป้าผลงานปี 59-61 เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 7% จากที่ประเมินผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังเริ่มฟื้นตัวได้ดี หลังชูแผนลดต้นทุนและปรับกลยุทธ์ขยายฐานลูกค้าใหม่ ๆ พร้อมเดินหน้าเปิดให้บริการศูนย์กระจายสินค้าเคมีภัณฑ์ภายในท่าเรือแหลมฉบัง พร้อมขยายการลงทุนคลังสินค้าในกลุ่มประเทศ CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามอย่างต่อเนื่อง  

 

อันดับ 4 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ราคาช่วง 8 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 29.72% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท  ลบ 0.63 บาท มาอยู่ที่ 1.49 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค. 59  สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ทำให้ที่ผ่านมา หุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List ในยามที่ขึ้นแรง จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นรายนี้จะปรับตัวลงแรงในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

 

อันดับ 5 บริษัท สยามสปอร์ต ซินดิเคท จำกัด (มหาชน) หรือ SPORT ราคาช่วง 8 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 29.72% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.02 บาท  ลบ 0.58 บาท มาอยู่ที่ 1.44 บาท ณ วันที่ 31 ส.ค. 59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรอีกรายที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก

อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ทำให้ที่ผ่านมาหุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List ในยามที่ขึ้นแรง จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นรายนี้จะปรับตัวลงแรงในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว อีกทั้งพื้นฐานบางตัวก็ยังแข็งแกร่ง การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นร่วงหนักช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนได้เก็บของถูกเข้าพอร์ตอีกครั้ง

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button