จ้องไว้เลย! 10 หุ้นอัพไซด์สูง “น่าสอย” ลุ้นวิ่งแรงรอบใหม่

จ้องไว้เลย! 10 หุ้นอัพไซด์สูง “น่าสอย” ลุ้นวิ่งแรงรอบใหม่


ช่วงนี้ตลาดยังกังวลปัจจัยเฟดขึ้นดอกเบี้ย ทำให้นักลงทุนต้องติดตามความชัดเจนจากการประชุมเฟดในวันที่ 20-21 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ดีตลาดยังมีปัจจัยในประเทศระยะสั้น คาดยังคงได้แรงหนุนจาก Fund Flow ไหลเข้าโดดเด่น หลังเข้าใกล้ช่วง FTSE Rebalance 16 ก.ย.นี้ จึงเชื่อว่าหุ้นหลายๆตัวที่ปรับตัวลงเกินพื้นฐานในช่วงหลายวันที่ผ่านมามีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกครั้ง

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงขอนำเสนอหุ้นที่มีอัพไซด์สูง (High Upside stocks) ให้เป็นทางเลือกสำหรับการลงทุน โดยหุ้นที่นำมาเสนอเป็นหุ้นที่มีอัพไซด์สูงประมาณ 40% นำโดย SAWAD, STPI, AMATA, S, SAMART, UNIQ, THCOM, RS, ITD และ TPIPL ดังตารางประกอบ บล.โนมูระ พัฒนสิน ดังนี้

 

อันดับ 1 บริษัท ศรีสวัสดิ์ พาวเวอร์ 1979 จำกัด (มหาชน) หรือ SAWAD ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 59.19% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 54.52 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 34.25 บาท (9 ก.ย.)  

นางสาวธิดา แก้วบุตตา กรรมการ บริษัทฯมั่นใจผลประกอบการปีนี้เติบโตตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยคาดว่าพอร์ตสินเชื่อคงค้างจะเติบโตตามเป้าที่ 20-30% หรืออยู่ที่ราว 1.8 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมีพอร์ตสินเชื่อแล้ว 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตมาจากยอดสินเชื่อรถยนต์ 4 ล้อ ราว 50% รถจักรยานยนต์ราว 20% โฉนดที่ดินบ้าน และคอนโดมิเนียมราว 20% และส่วนที่เหลือจะมาจากรถเชิงพาณิชย์ เช่น รถบรรทุก เครื่องจักรการเกษตร

นอกจากนี้ บริษัทฯได้มีการปล่อยสินเชื่อไปยังประเทศพม่า โดยคาดว่าปีนี้จะมียอดปล่อยสินเชื่อราว 200 ล้านบาท อย่างไรก็ดี บริษัทฯวางเป้าหมายระยะยาว 3-5 (60-64) จะมีพอร์ตสินเชื่อในต่างประเทศเป็นสัดส่วน 15% ของพอร์ตรวม จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 1% ปัจจุบันอยู่ระหว่างศึกษาในประเทศเวียดนาม กัมพูชาและอินโดนีเซีย ซึ่งยังมีความสามารถในการเติบโตได้อีก โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงปลายปีนี้ถึงกลางปี 60 อย่างน้อย 1 แห่ง

 

อันดับ 2 บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI  ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 54.22% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 12.80 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 8.30 บาท (9 ก.ย.)             

บริษัทดำเนินธุรกิจงานแปรรูปและติดตั้งโครงสร้างเหล็ก (Steel Structure) ระบบท่อ (Piping) โรงงานสำเร็จรูป (Module) และ ผลิตภัณฑ์เหล็กอื่น ๆ (Other Steelwork) ในอุตสาหกรรมก่อสร้าง ระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน โรงไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน โรงแยกก๊าซ โรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ อาคาร รวมทั้งเครื่องจักรและอุปกรณ์ที่ใช้ในงานอุตสาหกรรมต่างๆ ด้วย

 

อันดับ 3 บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 49.09% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 16.40 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 11.00 บาท (9 ก.ย.)

บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATA ความเชื่อมั่นของนักลงทุนเริ่มกลับมา หลังบรรยากาศทางการเมืองมีการโหวตผ่านรับร่างรัฐธรรมนูญ จะมีการเลือกตั้งในอนาคตประมาณปลายปี 60 และเศรษฐกิจไทยที่ค่อยๆฟื้นตัว

คาดว่ายอดขายนิคมฯจะกระเตื้องขึ้นมากในครึ่งหลังปีนี้ หลังจากนักลงทุนมีความมั่นใจต่อไทยมากขึ้น ผู้บริหารมองเห็นถึงอุปสงค์ที่สูงขึ้นในลูกค้า ญี่ปุ่น จีน และยุโรปในกลุ่ม ยานยนต์ อาหาร เวชภัณฑ์ และคลังสินค้า จึงยังยืนเป้าขายปีนี้ไว้ที่ 1 พันไร่

ขณะนี้กำลังเจรจากับลูกค้าที่มีศักยภาพหลายราย ที่มีโอกาสจะซื้อที่ดินในลักษณะผืนใหญ่ ที่อมตะซิตี้ ทั้งนี้ในงวดครึ่งปีแรก บริษัทยังทำยอดขายไม่ได้มากเป็น 280 ไร่ ลดลง 31%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนคิดเป็น 28% จากเป้าขายปีนี้ของบริษัทที่ 1 พันไร่ แต่คิดเป็น 40% จากสมมุติฐานยอดขายของเราที่ 706 ไร่

 

อันดับ 4 บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ S ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 47.68% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 7.00 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 4.74 บาท (9 ก.ย.)

นายเมธี วินิชบุตร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน เปิดเผยว่า บริษัทวางแผนจะเข้าซื้อกิจการทั้งในและต่างประเทศเพิ่มเติมในปีนี้ เพื่อผลักดันให้รายได้รวมเข้าเป้าที่ตั้งไว้ 7,000 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 2,149 ล้านบาท พร้อมทั้งตั้งเป้าพลิกเป็นกำไรสุทธิจากปีก่อนขาดทุน 260 ล้านบาท หลังจากไตรมาส 1/59 มีกำไรสุทธิแล้ว 100 ล้านบาทแล้ว และไตรมาส 2/59 แนวโน้มยังไปได้ดี

 

อันดับ 5 บริษัท สามารถคอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SAMART ราคาหุ้นมีอัพไซด์สูงถึง 46.41% จากราคาเป้าหมายที่ระดับ 19.03 บาท เทียบกับราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 13.00 บาท (9 ก.ย.)

นายวัฒน์ชัย วิไลลักษณ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มบริษัทสามารถ มั่นใจว่าช่วงครึ่งปีหลังรายได้และกำไรของทุกสายธุรกิจในเครือจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะธุรกิจไอซีที มีงานรอประมูล รวมมูลค่ากว่า 2.5 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าสร้างงานในมือ (Backlog) ให้ได้ภายในสิ้นปี ไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันมี Backlog มูลค่า 7,655 ล้านบาท 

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button