จัดธีม 16 หุ้น ตัวเต็งปีนี้!กูรูแนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน

จัดธีม 16 หุ้น Top Picks ปี 59 เน้นกลุ่มอิงการเติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ-อาเซียน พร้อมรับประโยชน์นโยบายรัฐ โบรกฯแนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน มองผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังร้อนแรง


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ที่รวบรวมหุ้น Top Picks ปี 59 เน้นกลุ่มอิงการเติบโตจากเศรษฐกิจในประเทศ-อาเซียน พร้อมรับประโยชน์นโยบายรัฐ และเป็นบจ.ที่โบรกฯแนะเพิ่มน้ำหนักลงทุน หลังจากมองผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังร้อนแรง 

โดยนักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ (19 ก.ย.) โดยแนะนำหุ้นในกลุ่มที่อิงการเติบโตจากเศรษฐกิจภายในประเทศ หรือการเติบโตตามภูมิภาคอาเซียนหนุน อีกทั้งเป็นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากนโยบายรัฐ ทั้งนี้แนะนำเพิ่มน้ำหนักลงทุน (Overweight) กลุ่ม วัสดุก่อสร้าง, ขนส่งและโลจิสติกส์,พาณิชย์, อาหารและเครื่องดื่ม

ทั้งนี้เลือก Theme 2559 AEC Connectivity-WISE แนะนำ Top Picks ครึ่งปีแรก คือ ERW, BBL, ROBINS, BRR, LH, CPF ส่วน Top Picks ปี 59 มี 16 บริษัท คือ KAMART, ERW, BDMS, BCH, BBL, CK, AMATA, DCC, ROBINS, CI, LH, TCAP, SCC, KSL, BRR, NYT โดย 4 ลำดับแรกมีดังนี้

 

อันดับที่ 1 บริษัท คาร์มาร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ KAMART โดย บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” KAMART ให้ราคาเป้าหมาย 14.5 บาท/หุ้น โดยมองว่าไตรมาส 2/59 กำไรปกติโต 20% จากปีก่อน หลังธุรกิจเครื่องสำอางทำสถิติยอดขายใหม่ บวกกับGross margin ปรับตัวดีขึ้น แต่บางส่วนถูกหักล้างด้วย SG&A และค่าใช้จ่ายภาษีที่เพิ่มขึ้น ส่วนช่วงครึ่งปีหลัง คาดผลดำเนินงานยังสดใส หลังผลิตภัณฑ์เริ่มเป็นที่รู้จักบวกกับรุกขยายช่องทางต่อเนื่อง คาดหนุนปี 59 กำไรปกติโต 19.8% จากปีก่อน อีกทั้งราคามี Upside 15.1% จากมูลค่าพื้นฐานปี 60

 

อันดับที่ 2 บริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW โดย บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” ERW ราคาเป้าหมาย 6.30 บาท/หุ้น โดยคาดผลการดำเนินงานในไตรมาส 3/59 ยังมีกำไรต่อเนื่อง ซึ่งในเบื้องต้นคาดกำไรปกติที่ราว 10 – 20 ลบ. ผลักดันจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าห้อพักในโรงแรมทุกระดับต่อเนื่อง รวมถึงการกลับมาเติบโตของรายได้ F&B จึงยังคงคาดการณ์กำไรปกติปี 59 ที่ 351 ล้านบาท เติบโตโดดเด่นถึง 77% จากปีก่อน และคาดกำไรปกติในปี 59-61 เติบโตถึง 38% CAGR และยังคง ERW เป็น Top pick

 

อันดับที่ 3 บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS โดย บล.ดีบีเอส วิคเคอรส์ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BDMS ราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น โดยเห็นว่า BDMS มีความเหมาะสมที่จะเป็นหลักทรัพย์ตัวแทนกลุ่มโรงพยาบาลใน SET สืบเนื่องจากมีโครงข่ายโรงพยาบาลที่ใหญ่สุด

ทั้งนี้คาดว่าผลการดำเนินงานในงวดปี 60 กำไรจะเติบโตได้ถึง 18% จากปีก่อน (หลังจากปี 59 เพิ่มได้ 11% จากปีก่อน) เมื่อโรงพยาบาลใหม่ที่เปิดไปกลายมาเป็นโรงพยาบาลในปัจจุบันแล้ว และเริ่มกลับมาให้กำไรได้

อีกทั้งการเพิ่มโรงพยาบาลไปถึง 50 แห่งก็ดูแล้วจะไม่ยากเพราะจำนวนโรงพยาบาลในปัจจุบันเป็น 43 แห่ง โดยที่โครงการโรงพยาบาลใหม่ 2 แห่งจะแล้วเสร็จในปี 60-61 มีที่ดินเปล่าทำโรงพยาบาลอีก 3 แห่ง ดังนั้นหาก BDMS ซื้อโรงพยาบาลเพิ่มอีก 2 แห่ง ก็จะได้ครบตามจำนวน 50 แห่ง

 

อันดับที่ 4 บริษัท บางกอก เชน ฮอสปิทอล จำกัด (มหาชน) หรือ BCH โดย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BCH ราคาเป้าหมาย 14.70 บาท/หุ้น โดยมีมุมมองเชิงบวกต่อผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังของปี 59 เป็นอย่างมาก โดยมีปัจจัยบวกจากรพ. WMC มีผลการดำเนินงานที่เข้าสู่จุดคุ้มทุนแล้ว นอกจากนี้ทางรพ.ยังทำการตลาดเพิ่มเพื่อขยายฐานลูกค้าใหม่ทั้งในและต่างประเทศ อีกทั้งอยู่ระหว่างการเจรจากับประเทศคูเวต คาดจะช่วยหนุนให้ผลการดำเนินงานของรพ. WMC ในช่วงครึ่งปีหลังเติบโตสูง

ขณะที่ผลการดำเนินงานปี 60 ยังคงมีอัตราการขยายตัวที่สูง จากรพ. WMC ที่ผ่านจุดคุ้มทุนแล้ว โดยน่าจะเริ่มรับรู้กำไรเข้ามาเต็มไตรมาสได้ตั้งแต่ในช่วงไตรมาส 1/60 จากจำนวนผู้ป่วยต่างชาติที่มีอัตราการเข้าใช้บริการสูง

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button