ORI เนื้อหอม “เทมเพิลตัน” คว้านซื้อหุ้นตุน Backlog หรูทุบสถิติ – อัพไซด์กระฉูด
ORI ราคาพุ่งแรง หลังกองทุนระดับโลกคว้านซื้อหุ้น โบรกเชียร์ “ซื้อ" Backlog ทำสถิติใหม่ตั้งแต่ตั้งบริษัท ตุนรายได้โตแข็งแกร่ง 2 ปีข้างหน้า อัพไซด์พุ่ง 12%
ORI ราคาพุ่งแรง หลังกองทุนระดับโลกคว้านซื้อหุ้น โบรกเชียร์ “ซื้อ” Backlog ทำสถิติใหม่ตั้งแต่ตั้งบริษัท ตุนรายได้โตแข็งแกร่ง 2 ปีข้างหน้า อัพไซด์พุ่ง 12%
ORI ปิดวานนี้ราคาทะยานขึ้นกว่า 8% หลังราคาโรยตัวลงมา 3 วันติดต่อกัน ขณะที่กองทุนขนาดใหญ่ระดับโลกอย่างเทมเพิลตันเข้ามาทำบิ๊กล็อต เตรียมออกหุ้นกู้ราว 1.2 พันล้านบาทใน Q4/59 พร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีกเพียบ
นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมออกหุ้นกู้มูลค่าราว 1.2 พันล้านบาท อายุหุ้นกู้ 3-5 ปี ในช่วงไตรมาส 4/59 หลังจากที่บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ได้จัดอันดับเครดิตระดับ BBB- โดยมีแนวโน้มคงที่ ซึ่งส่งผลให้หุ้นกู้ของบริษัทได้อัตราดอกเบี้ยในระดับที่ต่ำ สำหรับวัตถุประสงค์ไนการออกหุ้นกู้ในครั้งนี้เพื่อนำเงินไปใช้สำหรับการซื้อที่ดินรองรับการพัฒนาโครงการในอนาคต
สำหรับแผนการดำเนินงานในปีหน้าบริษัทวางแผนการเปิด 8 โครงการใหม่ มูลค่ารวม 1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งมีมูลค่าโครงการสูงขึ้นกว่าปีนี้ที่เปิด 8 โครงการใหม่เช่นกัน แต่มีมูลค่ารวม 1.1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการใหม่ในปีหน้าจะเป็นการเปิดคอนโดมิเนียม 7 โครงการ และเป็นครั้งแรกที่บริษัทจะพัฒนาโครงการแนวราบ จำนวน 1 โครงการ ซึ่งอยู่ระหว่างการทำแผนพัฒนาโครงการแนวราบในปีหน้า
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 60 ไว้ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท จากปีนี้ที่ 8.5 พันล้านบาท และตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 60 อยู่ที่ 6 พันล้านบาท ซึ่งในปีหน้าจะมีโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอน จำนวน 8-10 โครงการ มูลค่าราว 6.7 พันล้านบาท
โดยเป้าหมายยอดขายในปีนี้ที่ระดับ 8.5 พันล้านบาท เป็นเป้าหมายใหม่ที่เพิ่มขึ้นจากเดิมที่ 7.5 พันล้านบาท หลังยอดขาย 8 เดือนแรกทำได้แล้วกว่า 5 พันล้านบาท สะท้อนถึงเศรษฐกิจที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
นอกจากนี้ช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทมีแผนจะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 1 โครงการ มูลค่าประมาณ 3.8 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการที่ 8 และเป็นโครงการสุดท้ายของปีนี้ คือ โครงการไนท์บริดจ์ ไพร์ม สาทร (Knightbridge Prime Sathorn) มีกำหนดเปิดพรีเซลในวันที่ 1 ต.ค.59 และคาดว่าจะปิดการขายได้ภายในสิ้นปีนี้
ทั้งนี้ ช่วงที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 6.94 พันล้านบาท
ขณะที่รายได้ในปีนี้บริษัทยังมั่นใจว่ารายได้จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4 พันล้านบาท โดยครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 1.02 พันล้านบาท และปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) ในมือที่ 1.02 หมื่นล้านบาท จะทยอยรับรู้รายได้ช่วงที่เหลือของปีนี้ราว 3 พันล้านบาท ส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้ถึงปี 61
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” ORI ให้ราคาเป้าหมาย 12.43 บาท โดยมองว่ากองทุนเทมเพิลตันซื้อบิ๊กล็อตหุ้น ORI จำนวน 25 ล้านหุ้น หรือ 3.7% จากกลุ่มจรูญเอก ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นใหญ่ ผู้บริหารเผยกองทุนสนใจเพราะเป็นหุ้นเติบโตสูง ไม่หวั่นสถาบันถือหุ้นทำสภาพคล่องหนืด ปรับเป้ายอดขายปีนี้แตะ 8.5 พันล้านบาท จากเดิม 7.5 พันล้านบาท
นอกจากนี้เป็นบวกทางจิตวิทยา ที่กองทุนขนาดใหญ่ระดับโลกอย่างเทมเพิลตันมาซื้อหุ้น ก็แสดงว่าเป็นบริษัทมีอนาคตเหมาะต่อการลงทุน สำหรับพื้นฐานของ ORI แม้เป็นบริษัทที่อยู่อาศัยขนาดเล็ก เน้นพัฒนาแต่คอนโดมีเนียม แต่ถือว่าเป็นกิจการที่เติบโตเร็ว เริ่มเป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ซื้อคอนโดมิเนียม ผลงานปีนี้อยู่ในเกณฑ์ดีทีเดียว ยอดขาย 8 เดือนแรกปีนี้เป็น 5 พันล้านบาท คิดเป็น 67% จากเป้าขายเดิมที่ 7.5 พันล้านบาทแล้ว จึงมีการปรับเป้าขายเพิ่ม อีกทั้งยอดขายรอโอน (Backlog) ก็ทำสถิติสูงสุดใหม่ตั้งแต่ตั้งบริษัทมาถึง 1 หมื่นล้านบาท จึงทำให้มีแหล่งรายได้ที่มั่นคงใน 2 ปีข้างหน้า
พร้อมปรับเพิ่มคำแนะนำหุ้น ORI เป็น “ซื้อ” จากเดิม”ถือ”หลังราคาหุ้นปรับลงมามากตามภาวะตลาดฯ คาดว่าแรงกระตุ้นราคาหุ้น (catalyst) คือ แนวโน้มกำไรปีนี้จะไปกระจุกตัวในครึ่งปีหลัง เนื่องจากมีโครงการไปโอนในงวดครึ่งหลังปีนี้ถึง 4 โครงการ โดยไตรมาส 3/59 เริ่มโอนได้ 1 โครงการ และ ไตรมาส 4/59 อีก 3 โครงการส่วนคาดการณ์กำไรสุทธิตลอดปีนี้จะเติบโตถึง 93%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่กำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เติบโต 45%ช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยมีผลพวงจากจำนวนหุ้นที่เพิ่มขึ้นจากการ IPO เป็น 600 ล้านหุ้น จากเดิม 450 ล้านหุ้น แม้ว่ากำไรสุทธิในรอบครึ่งปีแรกได้ปรับลงถึง 30%ช่วงเดียวกันของปีก่อนก็ตาม
ด้านบล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ถือ” ราคาเป้าหมาย 12.25 บาท มองปัจจัยสนับสนุนหลักสำหรับการปรับเพิ่มเป้ายอดขายปี 59 เป็น 8.5 พันล้านบาท จาก 7.5 พันล้านบาทนั้น มาจากยอดขายที่แข็งแกร่งกว่าคาดที่โครงการเปิดใหม่ของ ORI และราคาขายที่สูงขึ้นจากราคาที่ดินที่สูงขึ้น โดยยอดขายสะสมในช่วง 8 เดือนแรกของปี 59 นั้นอยู่ที่ 5.5 พันล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 103% ต่อยอดขายปี 2558 และ 64% ต่อเป้าหมายใหม่ปี 2559 ส่งผลให้ backlog ของ ORI ปรับเพิ่มเป็น 10.2 พันล้าบาท ซึ่งเป็นระดับสูงเป็นประวัติการณ์ของบริษัท ทั้งยังเป็นระดับที่สูงกว่ารายได้การขายปี 2558 ถึง 500% ทั้งนี้ เชื่อว่ายอดขายที่แข็งแกร่งในช่วงที่ผ่านมาข้างต้นจะช่วยกระตุ้นภาพรวมการเติบโตที่แข็งแกร่งต่อราคาหุ้นได้ ซึ่งราคาหุ้นน่าจะมีการตอบรับในเชิงบวกต่อข้อมูลล่าสุดจากบริษัท
ขณะที่ราคาหุ้น ORI ปิดตลาดวานนี้ (21 ก.ย.) ที่ 11.10 บาท บวก 0.80 บาท หรือ 7.77% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 40.89 ล้านบาท โดยราคาหุ้นยังมี Upside 12% จากราคาเป้าหมาย 12.43 บาท ด้าน P/E ล่าสุดอยู่ที่ 21.40 เท่า