ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว! 5 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” LPH เตรียมรับกำไรอื้อซ่า-ลุยแผนซื้อรพ. เพียบ!

ไม่ซื้อไม่ได้แล้ว! 5 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” LPH เตรียมรับกำไร Q3 อื้อซ่า-ลุยแผนซื้อรพ.เพียบ!


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของเหล่านักวิเคราะห์หลังมองว่า แนวโน้มธุรกิจของบริษัท โรงพยาบาล ลาดพร้าว จำกัด (มหาชน) หรือ LPH ในไตรมาส 3/59 ที่ใกล้ถึงวันประกาศผลการดำเนินงานนั้นจะออกมาดี โดยมีการคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ว่าจะเติบโตขึ้นสูง เนื่องจากเป็นช่วง High season ขณะที่มองว่ามีการเติบโตโดดเด่นที่สุดในกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งพบว่ามี 5 บริษัทหลักทรัพย์ที่แนะนำ “ซื้อ” และได้ให้ราคาเป้าหมายสูงเกิน 10 บาท ซึ่งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาราคาหุ้น LPH นั้นปรับตัวลงมากพอสมควรส่งผลให้ราคาหุ้นมี upside เกิดขึ้น เป็นจังหวะน่าเข้าซื้อลงทุน

สำหรับโบรกเกอร์ที่แนะนำซื้อมีดังนี้

 

โดย น.ส.อภิชญา เกตุรัตนบวร นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) แนะ”ซื้อ”หุ้น LHP โดย มองโอกาสการเติบโตปี 59-60 ยังแข็งแกร่งมาก จากการขยายตัวของกำไรที่สูงถึง 77% ในปี 59 เพราะแนวโน้มธุรกิจในครึ่งหลังของปี 59 คาดว่าจะสดใสต่อเนื่อง โดยไตรมาส 3 เป็น High season ของธุรกิจโรงพยาบาลเพราะเป็นฤดูฝน

ขณะที่การขยายไปสู่ศูนย์การรักษาเฉพาะทางยังเป็นไปตามแผนที่เปิดไปแล้ว คือ ศูนย์ดวงตาและผิวหนัง และส่วนที่จะเปิดต่อไป คือ ระบบทางเดินอาหารประมาณไตรมาส 4/59 นอกจากนั้นยังจะเปิดเพิ่มอีก 5 ศูนย์ อีกทั้งจะมีอาคารใหม่ให้บริการทางการแพทย์ในปี 60 คาดว่าจะให้บริการผู้ป่วยในเพิ่มอีก 30 เตียง โควตาประกันสังคมอีก 5 หมื่นราย และเพิ่มรายได้ต่อหัวอีก 10%

ทั้งนี้ LPH เป็นโรงพยาบาลที่มี Valuation ต่ำกว่ากลุ่มในไทย และอาจจะเช่าพื้นที่ของโรงพยาบาลเดชาเพื่อต่อยอดธุรกิจ ปัจจุบันอยู่ในช่วงการเจรจาต่อรองกัน

“ราคาที่ปรับลงมาเยอะเป็นจังหวะซื้อ และที่รีบาวด์ขึ้นมาก็ยังมี outlook ที่ดี เพราะราคาที่ปรับลงมาเป็นไปตามตลาด ขณะที่มุมมองในแง่ Earning growth 77% ในปีนี้ และปี 60 มุมมองยังดีต่อการลงทุนในโรงพยาบาลเดชาที่เลือกเป็นการเช่า 20 ปี ดีกว่าการไปซื้อ เรามี outlook เป็นบวกถ้าเป็นการเช่า เพราะไม่ต้องเสี่ยง ขณะที่ D/E ก็จะไม่มีปัญหาเหมือนอย่างที่กังวลกัน และถึงแม้ไม่ได้ดีลโรงพยาบาลเดชาก็ยังมีดีลที่จะเข้าลงทุนโรงพยาบาลอื่นที่ผลประกอบการมีกำไรอยู่แล้ว ก็จะเป็นบวกต่อผลประกอบการปี 60 และปีถัดไป”น.ส.อภิชญา กล่าว

 

ขณะเดียวกัน นายปริญทร์ กิจจาทรพิทักษ์ นักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่ากำไรของ LPH จะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในครึ่งหลังปีนี้อยู่ที่ 89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนกำไรยังคงเป็นความสำเร็จของศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ในปัจจุบัน รายได้จากศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 20% ของรายได้รวม โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นสูงกว่าอยู่ที่ 25-30% ในขณะที่อัตรากำไรของคนไข้ทั่วไปอยู่ที่ 20-25%

ทั้งนี้ คาดว่ามาร์จิ้นยังมี upside เพิ่มอีก เนื่องจากการเปิดดำเนินการศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง และมีสัดส่วนของผู้ป่วยที่เป็นโรคที่ซับซ้อนมากขึ้นในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวที่อยู่ในช่วงไตรมาส 3 และไตรมาส 4

ขณะที่มองการเช่าที่ของโรงพยาบาลเดชาดูจะเป็นทางเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุด คาดว่าน่าจะได้ข้อสรุปในเรื่องนี้ภายในสิ้นเดือน ก.ย. นอกจากนี้ ก็ยังอยู่ระหว่างการเจรจาซื้อโรงพยาบาลเอกชนอีก 1 หรือ 2 แห่ง ย่านพัฒนาการ และสมุทรปราการ ซึ่งบริษัทจะตัดสินใจภายในสิ้นปีนี้

ทั้งนี้ คงประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ 169 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 68% จากปีก่อน และปี 60 คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 198 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17% จากปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากประสิทธิภาพของศูนย์การแพทย์เฉพาะทาง ส่วนแบ่งกำไรที่ได้รับจากบริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (AMARC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยอย่างต่อเนื่อง และการขยายศูนย์การแพทย์เฉพาะทางในครึ่งหลังปีนี้ และในปี 60

“หลังตลาดปรับฐาน ทำให้มี upsdie เกิดขึ้น มุมมองผลประกอบการเป็นบวก โดยครึ่งปีหลังปรับขึ้นต่อเนื่องไปถึงปี 60 ซึ่งเราประเมินแบบ  Conservative กว่าหลายสำนัก โดยประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ที่ 169 ล้านบาท ปี 60 ที่ 198 ล้านบาท ราคาเป้าหมาย 10.10 บาท ยังไม่รวมโรงพยาบาลเดชา ซึ่งเราฟันธงว่าไม่ได้ซื้อแต่เป็นการเช่า ขณะเดียวกันก็ดูโรงพยาบาลอื่นอีก 2 ดีล”นายปริญทร์ กล่าว

 

อีกทั้ง บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่าราคาเป้าหมาย 11.50 บาท ยังไม่รวมการเข้าซื้อหรือเช่าโรงพยาบาลเดชา ขณะที่ผลการดำเนินงานครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรกมาก โดยคาดว่ารายได้จากกิจการโรงพยาบาลในไตรมาส 3/59 จะปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากเป็นช่วง High Season อีกทั้งในช่วงไตรมาส 4/59 ทางโรงพยาบาลยังมีแผนจะเปิดศูนย์โรคเฉพาะทางด้านทางเดินอาหารและตับเพิ่มอีก 1 ศูนย์ ส่งผลให้ผลการดำเนินงานครี่งหลังปีนี้ให้เติบโตโดดเด่น

พร้อมกันนี้ ยังได้ปรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 59 ขึ้นอีก 6% มาที่ 168 ล้านบาท เติบโต 67.5% จากปีที่แล้ว จากคาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ 24.5% จาก 23.1% ในปี 58 ตามสมมติฐานรายได้จากกิจการโรงพยาบาลที่ขยายตัว 14.1% มาที่ 1.31 พันล้านบาท

ส่วนเรื่องการเข้าซื้อโรงพยาบาลเดชา เนื่องจากราคาประเมินกลางค่อนข้างต่ำกว่าราคาที่ทางโรงพยาบาลเดชาต้องการขาย ในช่วงที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้ LPH จึงเสนอทางเลือกใหม่ที่จะเข้าไปเช่าในระยะยาวประมาณ 20 ปี ณ ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปใดที่แน่ชัด แต่คาดจะเห็นความคืบหน้าของการเจรจาดังกล่าวได้ภายในปลายเดือนก.ย.

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลมีแผนทยอยเปิดศูนย์โรคเฉพาะทางที่เหลืออีก 6 ศูนย์ ได้แก่ ศูนย์ศัลยกรรมกระดูก ศูนย์สมองและระบบประสาท ศูนย์ทันตกรรม ศูนย์หัวใจ ศูนย์สูตินารี และศูนย์กุมารเวชให้ครบทั้ง 9 ศูนย์ โดยจะทำการย้ายบางศูนย์ไปเปิดที่อาคารใหม่ซึ่งกำลังจะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการในต้นปี 60 นี้ และจะเพิ่มจำนวนเตียงอีกราว 30 เตียง รวมเป็น 210 เตียง และเพิ่มห้องตรวจอีก 80 ห้อง รวมทั้งหมดเป็น 165 ห้อง คาดว่าจะสามารถรองรับผู้ป่วยนอก (OPD) ได้เพิ่มราว 20% ที่ 4.1 พันคนต่อวัน

ทั้งนี้ หากทางโรงพยาบาลสามารถเปิดให้บริการศูนย์โรคเฉพาะทางได้ครบทั้งหมด 9 ศูนย์ คาดว่าในปี 60 รายได้เฉลี่ยของผู้ป่วยใน (IPD) (บาท/ครั้ง/เตียง) และ รายได้เฉลี่ย OPD (บาท/คน) จะสูงขึ้นมาแตะที่ 2.5 หมื่นบาท และ 2 พันบาท ตามลำดับ หนุนให้สัดส่วนผู้ป่วยเงินสดขึ้นมาแตะที่ 60% จากคาดการณ์ 55% ในปี 59 จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ขึ้นมาอีก 8% ที่ 207 ล้านบาท จากเดิมคาด 192 ล้านบาท หรือเติบโต 23.1% จากปีนี้ ขณะที่คาดการณ์อัตรากำไรขั้นต้นที่ 26.0% รวมทั้งปรับรายได้จากกิจการโรงพยาบาลขึ้นมาเล็กน้อยที่ 1.51 พันล้านบาท เติบโต 15.8% เมื่อเทียบปีต่อปี

Back to top button