จับตา 5 หุ้นท่องเที่ยวฟินถ้วนหน้า!รับทัวร์จีนเข้าไทย-โกยรายได้ทะลัก
5 หุ้นกลุ่มท่องเที่ยวฟินกันถ้วนหน้า รับอานิสงส์จีนหยุดยาวสัปดาห์นี้ โดยพบว่ามี 5 บริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากกรณีดังกล่าว ได้แก่ MINT ,CENTEL ,AOT ,SPA ,ERW
ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในกลุ่มโรงแรม และท่องเที่ยวซึ่งมีแนวโน้มจะได้รับอานิสงส์จากจำนวนนักท่องเที่ยวจากประเทศจีนที่มีการคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น เนื่องจากมีวันหยุดยาวในช่วงวันที่ 1-7 ตุลาคมนี้ เนื่องในวันชาติจีน ขณะที่กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวในปี 59 จะขยับเป็น 33 ล้านคน สร้างรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 17.62% ของ GDP
โดยพบว่ามี 5 บริษัทที่คาดว่าจะได้รับประโยชน์สูงสุดจากกรณีดังกล่าว ได้แก่ บริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT, บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน) หรือ CENTEL , บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ AOT,บริษัท สยามเวลเนสกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ SPA และบริษัท ดิ เอราวัณ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ ERW
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ (4 ต.ค.)หุ้นรับอานิสงส์วันชาติจีนสัปดาห์นี้ (AOT*, MINT*, SPA) โดยประเมินหุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์จากนักท่องเที่ยวจีนในช่วงวันหยุดยาวสัปดาห์นี้ เนื่องจากวันชาติจีน นักลงทุนอาจพิจารณาเก็งกำไรหุ้นในกลุ่มดังกล่าว
อย่างไรก็ตามการท่องเที่ยวฯ (กทท.) คาดการณ์จำนวนนักท่องเที่ยวจีนจะลดลง 21% ในช่วงชาติจีนเมื่อเทียบกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เนื่องจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ แต่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 30.4% จากปีก่อน (บางกอกโพสต์) โดยเห็นว่า คาดการณ์ของ กทท. เป็นไปในทิศทางเดียวกับที่มองว่า จำนวนนักท่องเที่ยวจีนในช่วงไตรมาน 4/59 จะอ่อนตัวลงประมาณ 20% จากสถานการณ์ปกติ เนื่องจากการปราบปรามทัวร์ศูนย์เหรียญ อย่างไรก็ตามภาพรวมการท่องเที่ยวของไทยในช่วงไตรมาส 4/59ยังคงแข็งแกร่งจากฤดูกาลท่องเที่ยว ทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวโดยรวมยังคงเพิ่มขึ้น ดังนั้น ยังแนะนำซื้อ AOT, AAV และ BA
ขณะเดียวกัน นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า ในโอกาสครบรอบ 14 ปีของกระทรวงฯ ในปี 59 ตั้งเป้าตัวเลขนักท่องเที่ยวจะขยับเป็น 33 ล้านคน สร้างรายได้ 2.4 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 17.62% ของ GDP ส่วนด้านการกีฬาจะเป็น 1 ในอาเซียนจากที่ในปี 58 อุตสาหกรรมการท่องเที่ยว สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศได้สูงสุดเป็นอันดับ 6 ของโลก มีรายได้เข้าประเทศรวมทั้งสิ้น 2.23 ล้านล้านบาท คิดมูลค่าทางเศรษฐกิจเป็นสัดส่วน 16.53% ของ GDP
โดยได้มีการวางรากฐานการพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวให้ประเทศไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ รวมถึงการพัฒนาสินค้า บริการและการบริหารจัดการด้านการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน โดยการสร้างคุณภาพ เพิ่มรายได้ต่อหัวจากนักท่องเที่ยว ใช้ทรัพยากรธรรมชาติให้น้อยที่สุด ไม่เน้นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งการสร้างอัตลักษณ์ท้องถิ่นในแต่ละชุมชนให้มีความโดดเด่น และกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่านยุทธศาสตร์ 3 ด้าน ได้แก่
1. ยุทธศาสตร์การส่งเสริมตลาดท่องเที่ยว ได้แก่ กลยุทธ์การยกระดับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวสู่การเป็น “Quality LeisureDestination”, กลยุทธ์การปรับโครงสร้างตลาดสู่ High Value, กลยุทธ์สร้างโอกาสทางการท่องเที่ยวสู่คนไทยทุกกลุ่ม และ กลยุทธ์สร้างสมดุลเชิงเวลาและพื้นที่
2. ยุทธศาสตร์การพัฒนาสินค้าและบริการท่องเที่ยว ประกอบด้วย กลยุทธ์การพัฒนาเชิงพื้นที่: 8 เขตพัฒนาการท่องเที่ยว 12 เมืองต้องห้าม…พลาด และ 8 เขตพื้นที่เมืองชายแดน, กลยุทธ์การพัฒนารายสาขา: การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การท่องเที่ยวกลุ่มผู้สูงอายุ การท่องเที่ยวเพื่อการประชุมและนิทรรศการ การท่องเที่ยวสีเขียว การท่องเที่ยวเชิงกีฬา การท่องเที่ยวเรือสำราญ และการท่องเที่ยวกลุ่มมุสลิม, กลยุทธ์พัฒนาสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการท่องเที่ยว, กลยุทธ์พัฒนาความปลอดภัยด้านการท่องเที่ยว และ กลยุทธ์พัฒนาระบบโลจิสติกส์เพื่อการท่องเที่ยว
3. ยุทธศาสตร์การบริหารจัดการการท่องเที่ยว ได้แก่ กลยุทธ์บูรณาการการทำงานผ่านกลไกการขับเคลื่อนทั้งระบบ, กลยุทธ์พัฒนาบุคลากรด้านการท่องเที่ยวและยกระดับผู้ประกอบการท่องเที่ยว, กลยุทธ์การพัฒนาระบบข้อมูลและสารสนเทศเพื่อการท่องเที่ยว (Tourism Intelligence Center) และ กลยุทธ์ปรับปรุงกฎหมายและกลไกการบังคับใช้กฎหมายอย่างจริงจัง
ในด้านการกีฬา เน้น Sports for Excellent การสนับสนุนการแข่งขันกีฬาอาชีพรายการสำคัญและการสร้างเวทีการแข่งขันให้เด็กรุ่นใหม่ได้พัฒนา, Sports for All…..เพราะกีฬาพัฒนาคนให้มีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่ดี…ส่งเสริมให้คนไทยทุกคนออกกำลังกาย..เล่นกีฬาทุกสัปดาห์,
Sports for Unityสนับสนุนให้เกิดการเล่นกีฬาอย่างเท่าเทียมในทุกมิติและสนับสนุนให้เกิดความสามัคคี และ Sports Tourism ยุทธศาสตร์กีฬาเพื่อการท่องเที่ยวสนับสนุนให้ประเทศไทยเป็นแหล่งมาเล่นกีฬาและแหล่งการแข่งขันกีฬาระดับโลก เป็น Sports Hub ของ ASEAN ของนักกีฬา/นักท่องเที่ยวทั่วโลก
นอกจากนี้ผลการวิจัยที่จัดทำโดยไชน่า ทัวริสม์ อคาเดมี และซีทริป ซึ่งเป็นเอเยนต์ท่องเที่ยวออนไลน์ ชี้ว่า วันหยุดในช่วงโกลเด้นของจีนคาดว่าจะสร้างรายได้มหาศาลในภาคการท่องเที่ยว โดยผลการวิจัยบนพื้นฐานของการวิเคราะห์ผู้ใช้งานแอปซีทริปกว่า 1.7 พันล้านราย พบว่า จุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวที่สำคัญของจีนจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนถึง 589 ล้านรายในช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้น 12% จากระดับปีที่แล้ว โดยรายได้จากการท่องเที่ยวมีแนวโน้มว่า จะเพิ่มขึ้น 13.5% แตะ 4.78 แสนล้านหยวน หรือ 7 หมื่นล้านดอลลาร์ในช่วงดังกล่าว
จำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางไปต่างประเทศคาดว่า จะทำสถิติเป็นประวัติการณ์ถึง 6 ล้านราย โดยจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ เกาหลีใต้ ไทย และญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี ช่วงวันหยุดยาวนี้คาดว่า จะทำให้เกิดเสียงร้องเรียนจากประชาชนเช่นกัน ทั้งการคมนาคม ภัตตาคาร และสถานที่ต่างๆที่เต็มไปด้วยผู้คน รวมทั้งการจราจรที่ติดขัดจากสถิติของไชน่า เรลเวย์ คอร์ปอเรชั่น นั้น มีผู้เดินทางถึง 14.4 ล้านรายในช่วงวันเสาร์ ซึ่งเป็นวันแรกของช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นสถิติที่เพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบเป็นรายปี
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน