ASEFA งบ Q3 มีลุ้นทำนิวไฮ-รายได้ปีนี้เข้าเป้า!ตุน backlog 1.83 พันล้าน-ลุยประมูลงานต่อเนื่อง

ASEFA งบ Q3/59 มีลุ้นทำนิวไฮ-รายได้ปีเข้าเป้า! ตุน backlog 1.83 พันล้าน-ลุยประมูลงานต่อเนื่อง


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ได้สำรวจบทวิเคราะห์ของเหล่านักวิเคราะห์ที่แนะนำ “ซื้อ” บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA หลังจากมองว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาโดดเด่น โดยมีการคาดการณ์กันว่าทำระดับสูงสุดที่ 70 ล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นยังมี Upside % จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 8.60 บาท

นายไพบูลย์ อังคณากรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท อาซีฟา จำกัด (มหาชน) หรือ ASEFA ระบุว่า บริษัทมั่นใจว่าผลการดำเนินงานปี 2559 ยังเติบโตต่อเนื่องตามเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 15-20% จากปีที่ผ่านมา ล่าสุด ณ สิ้นเดือน ก.ค.59 บริษัทมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 1,828 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากงานผลิตภัณฑ์ที่บริษัทเป็นผู้ผลิตจำหน่าย 60% ผลิตภัณฑ์ที่บริษัทซื้อมาเพื่อจำหน่ายต่อ 20% และงานบริการ 20% โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 60-65% ส่วนที่เหลือจะรับรู้รายได้ในปี 60 นอกจากนี้ บริษัทยังคงเดินหน้าประมูลงานใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ส่วนความคืบหน้าการขยายสาขาไปยังต่างจังหวัดใน 10 จังหวัดหัวเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ คาดว่าสามารถเปิดดำเนินการได้ครบทั้งหมดภายในปีนี้

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคทีบี ระบุในบทวิเคราะห์วันนี้ (23 ก.ย.) ว่า ASEFA โดยคาดว่าบริษัทจะประกาศผลการดำเนินงานช่วงไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่นและมีลุ้นทำ new high ที่ประมาณ 70 ล้านบาท (เติบโต 14.7% เทียบไตรมาสก่อนหน้า, เพิ่มขึ้น2.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) เนื่องจากที่ผ่านมาช่วงไตรมาส 3 และ ไตรมาส 4 เป็นช่วงไฮซีซั่นของบริษัท

อีกทั้ง backlog ของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่สูงกว่าอดีต (ณ สิ้นเดือน ส.ค. 2016 อยู่ที่ 1,806) คาดอัตรากำไรขั้นต้นใกล้เคียงกับช่วงไตรมาส 1/59,ไตรมาส 2/59 ที่ระดับประมาณ 24% นอกจากนี้ยังประเมิน SG&A to sales ต่ำกว่าไตรมาส 2 ที่ 13%

เนื่องจากบริษัทมีการตั้ง provision ประมาณ 10 ล้านบาทในช่วงที่ผ่านมา ด้วยมุมมองครึ่งปีหลังที่เติบโตโดดเด่นเราจึงคาดกำไรสุทธิปี 59 เติบโตโดดเด่นตามลำดับ ที่ 266 ล้านบาท (+28.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) และเติบโตต่อเนื่องในปี 2017 ที่ 300 ล้านบาท (+12.6% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน) จากแรงหนุนงานภาครัฐอาทิ รถไฟฟ้า, สายไฟลงดิน, และ สุวรรณภูมิเฟส 2

ขณะที่ไฮไลท์การลงทุนในปีนี้คงไม่พ้นในเรื่องของการขยายหน้าร้าน 10 แห่งทั่วประเทศด้วยงบลงทุนประมาณ 10 ล้านบาทเพื่อขยายช่องทางการจัดจำหน่ายและกระตุ้นยอดขาย โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จบางส่วนในช่วงสิ้นปีนี้ นอกจากนี้เรายังเชื่อว่าบริษัทจะสามารถคงการเติบโตที่ประมาณ 15% ต่อปีตามที่ผู้บริหารตั้งเป้าไว้ได้

เนื่องจากมีงานภาครัฐกำลังจะออกประมูลจำนวนมาก โดยเราคาดว่างานภาครัฐเฉพาะส่วนงานสวิตช์บอร์ดไฟฟ้ามีมูลค่าสูงที่ 3,650 ล้านบาท เราคาดบริษัทจะรับรู้รายได้จากโครงการที่กล่าวมาเป็นจำนวนมากในช่วงประมาณปี 2019-2020 เนื่องจากงานติดตั้งสวิตช์บอร์ด

ด้วยมุมมองในเชิงบวกต่อการดำเนินงานทั้งระยะสั้นและระยะยาว เราจึงมองว่า ASEFA เป็นอีกหนึ่งบริษัทที่มีความน่าสนใจ อีกทั้งบริษัทยังมีสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง D/E ratio ต่ำที่เพียง 0.2 เท่า ส่งผลให้บริษัทมีภาระการจ่ายดอกเบี้ยที่ต่ำลง ประเมินราคาเหมาะสมที่ 8.6 บาท ด้วย PER 15.7 เท่า เทียบเป็น PEG 1 เท่า จากกำไรในช่วง 4 ปีข้างหน้าแนะนำ “ซื้อ”

 

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ (5 ต.ค.) แนะนำ “ซื้อ” ASEFA ราคาเป้าหมาย 8.50 บาท/หุ้นโดยคาดว่ากำไรไตรมาส 3/59 เป็นระดับสูงสุดของปีเติบโต 11.2% จากไตรมาสก่อน มาที่ 68 ล้านบาท ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามฤดูกาล แต่ Flat จากปีก่อนจากฐานสูงในปีก่อน แนวโน้มกำไรจะชะลอในไตรมาส 4/59 เพราะฤดูกาล

อย่างไรก็ตามปรับประมาณการกำไรปี 59-60 ขึ้น 5-7% เป็นเติบโตสูง 23% ในปีนี้และโตต่อเนื่อง 15% ปีหน้า ASEFA ยังคงครองฐานะผู้ผลิตและจำหน่ายสวิทซ์บอร์ดไฟฟ้าและอุปกรณ์ด้านระบบไฟฟ้าชั้นนำในประเทศ และได้อานิสงส์จากโครงการลงทุนขนาดใหญ่ด้านคมนาคม โรงไฟฟ้า และธุรกิจที่มีการลงทุนต่อเนื่อง เราปรับใช้ราคาเป้าหมายปี 60 ที่ 8.50 บาท (อิง PE 16 เท่า) ราคาหุ้นปัจจุบันยังมี Upside 13% และคาด Dividend yield ปี 59 ที่ 3.3% ปรับคำแนะนำขึ้นจากเดิม “ถือ” เป็น”ซื้อ”

 

ด้านราคาหุ้น ASEFA ปิดตลาดวานนี้ (5 ต.ค.) อยู่ที่ 7.70 บาท ปรับตัวขึ้น 0.20 บาท หรือ 2.67% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 146.63 ล้านบาท

Back to top button