เปิด 10 หุ้นอาการโคม่า 9 เดือนราคาดิ่งก้นเหว!
เปิด 10 หุ้น “อาการโคม่า” 9 เดือนราคาดิ่งก้นเหว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ช่วง 9 เดือนแรกปี 59 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-31 ส.ค. 59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกิน 30% เท่านั้น สำหรับหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 10 ตัว ประกอบด้วย SOLAR, TASCO, RICH, CSS, KC, EMC, JWD, TRC, ITD และ TSI
หลักทรัพย์ | 30-ธ.ค.-58 | 30-ก.ย.-59 | เปลี่ยนแปลง | |
บาท | % | |||
SOLAR | 9.90 | 4.00 | -5.90 | -59.60 |
TASCO | 40.50 | 19.10 | -21.40 | -52.84 |
RICH | 0.59 | 0.33 | -0.26 | -44.07 |
CSS | 4.78 | 2.82 | -1.96 | -41.00 |
KC | 2.12 | 1.26 | -0.86 | -40.57 |
EMC | 0.21 | 0.13 | -0.08 | -38.10 |
JWD | 13.47 | 9.00 | -4.47 | -33.18 |
TRC | 1.97 | 1.32 | -0.65 | -32.99 |
ITD | 7.50 | 5.10 | -2.40 | -32.00 |
TSI | 0.50 | 0.34 | -0.16 | -32.00 |
อันดับ 1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 50.91% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท ลบ 5.90 บาท มาอยู่ที่ 4.00 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 ราคาหุ้นอ่อนตัวมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส เห็นได้จากบริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา
อย่างไรก็ตามแม้ผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/2559 ของบริษัทพลิกมีกำไรสุทธิ 13.56 ล้านบาท แต่ดูเหมือนว่าราคาหุ้นจะยังไม่กระเตื้องขึ้นมาแม้แต่น้อย ประกอบกับภาวะตลาดที่ผ่านมาไม่สดใสทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามบริษัทคาดปีนี้จะพลิกมีกำไรสุทธิจากที่ขาดทุนสุทธิราว 60 ล้านบาทในปีที่แล้ว หลังตั้งเป้าหมายปีนี้จะมีรายได้เพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 1,600-2,000 ล้านบาท ขณะที่ปัจจุบันมีปริมาณงานในมือ (Backlog) ที่เซ็นสัญญาไปแล้วมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,787 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และในอนาคตจะมีงานใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นรวมถึงมียอดขายแผงโซลาร์เซลล์ ที่มีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ก็จะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัท
อันดับ 2 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCOราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 52.84 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท ลบ 21.40 บาท มาอยู่ที่ 19.10 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย. ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไร เนื่องจากหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงก่อนหน้านี้ ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่ ส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ส่งผลให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับผลการดำเนินงานช่วง 6 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ 1.89 พันล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.44 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการลดลง อีกทั้งยังไม่มีแผนงานและปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ราคาหุ้นมีแรงเทขายออกมาอย่างต่อเนื่อง
อันดับ 3 บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICH ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 44.07 % จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 0.59 บาท ลบ 0.26 บาท มาอยู่ที่ 0.33 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 หุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรเวลาปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงเทขายออกมาอย่างหนัก เนื่องจากหุ้นไม่มีพื้นฐานแข็งแกร่งรองรับ ขณะเดียวกันยังไม่แผนงานธุรกิจออกมาน่าสนใจ ส่งผลให้ราคาหุ้นมีตลอด 9 เดือนที่ผ่านมาเป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่อง
อันดับ 4 บริษัท คอมมิวนิเคชั่น แอนด์ ซิสเต็มส์ โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CSS ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 41% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 4.78 บาท ลบ 1.96 บาท มาอยู่ที่ 2.82 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรอีกรายที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา
เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังบริษัทมีโอกาสได้งานเพิ่มจากการประมูล 4G เนื่องจากผู้ประกอบการเครือข่ายน่าจะมีแผนขยายโครงข่าย และเปลี่ยนอุปกรณ์ใหม่ แต่เมื่อผลงานที่ครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 66.51 ล้านบาท หรือ 0.058 บาทต่อหุ้น ลดลง 46% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 122.44 ล้านบาท หรือ 0.127 บาทต่อหุ้น เนื่องจากบริษัทมีรายได้จากการขายและบริการติดตั้งลดลง อีกทั้งไม่มีปัจจัยบวกมาสนับสนุน ทำให้นักลงทุนไม่มั่นใจกับทิศทางธุรกิจจึงทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามผลการดำเนินงานครึ่งปีหลังบริษัท คาดยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ภายในประเทศและการขยายธุรกิจสู่ตลาดต่างประเทศ ประกอบกับบริษัทฯ ยังคงเข้าประมูลงานต่างๆ ภายใต้งบประมาณของรัฐบาล รัฐวิสาหกิจและเอกชนอย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการเปลี่ยนระบบสายไฟฟ้าอากาศเป็นสายไฟฟ้าใต้ดิน,การลงทุนของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) และโครงการรถไฟฟ้า รถไฟรางคู่ ก็น่าจะเป็นแรงหนุนให้หุ้นฟื้นตัวอีกครั้ง
อันดับ 5 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KC ราคาช่วง 9 เดือนแรก ปรับตัวลดลง 40.57% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท ลบ 0.86 บาท มาอยู่ที่ 1.26 บาท ณ วันที่ 30 ก.ย.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ทำให้ที่ผ่านมา หุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List ในยามที่ขึ้นแรง จึงไม่ต้องแปลกใจที่หุ้นรายนี้จะปรับตัวลงแรงในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา
ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว อีกทั้งพื้นฐานบางตัวก็ยังแข็งแกร่ง การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นร่วงหนักช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บของถูกเข้าพอร์ตอีกครั้ง
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน