GPSC กำไรนิวไฮ 2-3 ปี-ชี้ดาวเด่น SET50ชู defensive stock แนะซื้อเป้าสูง 40 บาท

GPSC กำไรนิวไฮ 2-3 ปี-ชี้ดาวเด่น SET50 ชู defensive stock โบรกฯ 5 สำนักแนะซื้อให้เป้าสูง 40 บาท พร้อมอัพไซด์กว่า 11%


บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC เป็นหุ้นดาวเด่นในกลุ่ม SET50 อีกตัวที่น่าจับตา เพราะนับตั้งแต่หุ้นเข้าตลาดเมื่อวันที่ 18 พ.ค.58 หุ้นรายนี้ยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และทนต่อภาวะตลาดผันผวนในช่วงที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี

ดังนั้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการสำรวจข้อมูลหุ้น GPSC จากโบรกเกอร์ 5 แห่ง และพบว่าได้แนะนำ”ซื้อ”กันเป็นหลัก หลังมองว่าทิศทางกำไรจะเติบโตต่อเนื่อง และทำระดับสูงสุดใหม่ในช่วง 2-3 ปีนี้ จากปัจจุบันที่มีกำลังผลิตไฟฟ้าตามสัดส่วนร่วมทุนที่เดินเครื่องจ่ายไฟแล้วราว 1,300 เมกะวัตต์ จากกำลังการผลิตในมือที่มีอยู่ทั้งหมด 1,922 เมกะวัตต์ โดยกำลังผลิตไฟฟ้าส่วนที่เหลือจะทยอยเดินเครื่องได้ทั้งหมดจนถึงปี 62

ขณะที่กำลังผลิตไฟฟ้ายังมีโอกาสเติบโตได้ตามการขยายงานของกลุ่ม PTT และการลงทุนโครงการในต่างประเทศที่อยู่ในแผนทั้งในเมียนมา ลาว ญี่ปุ่น และอินโดนีเซีย เป็นต้น นอกจากนี้หุ้น GPSC ยังเป็นหนึ่งในกลุ่ม defensive stock ซึ่งจะเป็นที่พักเงินได้ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นผันผวน ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาในช่วงนี้ทำให้มีความน่าสนใจในการลงทุน

ากประเด็นดังกล่าวทำให้ GPSC กลายเป็นหุ้นดาวเด่น SET50 ที่น่าจับตาอย่างมาก อีกทั้งโบรกฯประสานเสียงมองเป็นหุ้น defensive stock ขณะเดียวกันหุ้นมีเป้าหมายสูงถึงระดับ 40 บาท พร้อมอัพไซด์กว่า 11% ตรงนี้น่าจะเป็นทางเลือกให้นักลงทุนที่กำลังมองหาหุ้นเสี่ยงต่ำก็เป็นได้

โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
เอเซีย พลัส ซื้อ 40.00
ทิสโก้ ซื้อ 39.00
ทรีนีตี้ ซื้อ 38.00
เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ สะสม 38.00
ฟินันเซีย ไซรัส ซื้อ 38.00

 

บล.เอเชีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ GPSC มีแนวโน้มจะทำระดับสูงสุดใหม่ต่อเนื่องทุกปีในช่วง 2-3 ปีจากนี้ ตามกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในมือที่จะทยอยจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบ (COD) แล้วตามแผน ประกอบกับ มีโอกาสจะมีกำลังการผลิตใหม่เพิ่มเติมตามการขยายงานของกลุ่ม บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) หรือPTT และโครงการอื่น ๆ ในต่างประเทศที่อยู่ระหว่างการพิจารณา

แนวโน้มกำไรจะโตต่อเนื่องทำนิวไฮทุกปีในช่วง 2-3 ปีนี้ จาก Backlog ในมือที่มี อย่างปี 60 ก็จะมีโครงการ BIC2 , ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ เฟส 2 และโซลาร์ฟาร์มที่ญี่ปุ่น ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้ามาในช่วงครึ่งหลังของปี 60 ก็จะทำให้ในปี 61 รับรู้ผลการดำเนินงานของโครงการเหล่านี้ได้เต็มปี และยังมีโอกาสที่จะได้โครงการใหม่ ๆ ในอนาคตเพิ่มเติมด้วย

สำหรับระยะสั้นในไตรมาส 3/59 คาดว่า GPSC จะรายงานผลกำไรที่ระดับ 760.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการรับรู้กำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากรับรู้โครงการโรงไฟฟ้านวนคร (NNEG) เต็มไตรมาสหลังเปิดดำเนินการในช่วงกลางปีนี้ อีกทั้งจะได้รับเงินปันผลจากการลงทุน 15% ในบริษัท ราชบุรีเพาเวอร์ จำกัด (RPCL) ซึ่งปกติ RPCL จะจ่ายปันผลออกมาทุกไตรมาส 1 และ 3 ของทุกปี

 

บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ผลการดำเนินงานของ GPSC ในช่วงปี 58-62 จะมีกำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 21% สูงสดในกลุ่มโรงไฟฟ้าหลัก ภายใต้สมมติฐานกำลังการผลิตไฟฟ้ารวมที่ 1,922 เมกะวัตต์ในปี 62 จากเริ่มทยอยรับรู้รายได้และกำไรจากกำลังการผลิตไฟฟ้าใหม่ในมือตามสัดส่วนร่วมทุน ได้แก่ โครงการโรงผลิตสาธารณูปการระยอง แห่งที่ 4 (CUP-4) ที่มีกำลังการผลิตไฟฟ้า 45 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้า ของบริษัท ไออาร์พีซี คลีน พาวเวอร์ จำกัด (IRPC CP) เฟส 2 ขนาดกำลังการผลิต 99 เมกะวัตต์

รวมทั้งโครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์สหกรณ์ CHPP  ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มญี่ปุ่น ISP-1 ขนาดกำลังการผลิต 20.8 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนร่วม BIC 2 ขนาดกำลังการผลิต 29.5 เมกะวัตต์ ,โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำจากเขื่อนน้ำลิก ในลาว ขนาดกำลังการผลิต 26 เมกะวัตต์ และโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ จากเขื่อนไซยะบุรี ขนาดกำลังการผลิต 321 เมกะวัตต์

GPSC ยังมีความเสี่ยงด้านรายได้ต่ำ เนื่องจากรายได้กว่า 80% เป็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาวระหว่างกลุ่ม PTT และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ขณะที่ยังมีศักยภาพในการเติบโตตามกลุ่ม PTT เช่น การพัฒนาโรงไฟฟ้าในเมียนมา ลาว อินโดนีเซีย และญี่ปุ่น

 

บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า GPSC ซึ่งเป็นหนึ่งในหุ้นกลุ่ม defensive stock จะเป็นที่พักเงินได้ดี เพื่อลดความเสี่ยงจากภาวะตลาดหุ้นที่ผันผวน ขณะที่ทิศทางกำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 คาดว่าจะเติบโตเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน จากการรับรู้รายได้เงินปันผลของ RPCL รวมทั้งเป็นไตรมาสแรกที่รับรู้รายได้จากโรงไฟฟ้า NNEG เต็มไตรมาสด้วย

พร้อมทั้งคาดว่า GPSC จะมีกำไรสุทธิปี 59 ที่ระดับ 2.5 พันล้านบาท เติบโต 17.5% จากปีที่แล้ว และเพิ่มขึ้นอีก 12.2% ในปี 60 ขณะที่โครงการไซยะบุรีที่จะแล้วเสร็จในปี 61 จะผลักดันให้กำไรสุทธิปี 61 เร่งตัวขึ้นอีก 23.2% เมื่อเทียบปีต่อปี หนุนให้กำไรสุทธิมาที่ระดับ 3.46 พันล้านบาท โดยมองเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลในเกณฑ์ดีราว 3.5% ต่อปี 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า GPSC มีแนวโน้มที่ดีในระยะยาว จากกำลังการผลิตใหม่จะเพิ่มขึ้น โดยโรงไฟฟ้าในโครงการไออาร์พีซี คลีนพาวเวอร์ (IRPC-CP) เฟส 2 จะดำเนินงานเต็มประสิทธิภาพในเดือน มิ.ย.60 หลังจากเฟสแรกได้เริ่มดำเนินงานไปแล้วในเดือนพ.ย.58 โดยโรงไฟฟ้าทั้งเฟส 1 และ 2 จะจำหน่ายไฟฟ้าให้กับ กฟผ.จำนวน 180 เมกะวัตต์ และจะขายไฟฟ้าอีก 60 เมกะวัตต์ และไอน้ำให้กับ บริษัท ไออาร์พีซี จัด (มหาชน) หรือ IRPC

 

ราคาหุ้น GPSC ปิดตลาดวานนีี้(18 ต.ค.59) ที่ระดับ 36.00 บาท ราคาหุ้นไม่เปลี่ยนเแปลง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 103.11 ล้านบาท              

Back to top button