รีบช้อน 9 หุ้น Laggard ก่อนขึ้นแรง!เตรียมเด้งรับปัจจัยบวก-กำไร Q3 เจ๋ง
รีบช้อน 9 หุ้น Laggard ก่อนขึ้นแรง เตรียมเด้งรับปัจจัยบวก-กำไร Q3 เจ๋ง ประกอบด้วย KTB ,BCH ,IRPC ,BDMS ,GFPT ,SCB ,TOP และ CPF
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจและรวบรวมข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุน เนื่องจากราคายังปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาด (Laggard) อีกทั้งผลการดำเนินงานรวมถึงพื้นฐานธุรกิจยังมีแนวโน้มจะเติบโตได้ดี รวมถึงยังมีปัจจัยบวกหนุน โดยสามารถแบ่งออกเป็น กลุ่มพลังงาน ,กลุ่มธนาคาร ,กลุ่มอาหาร และกลุ่มโรงพยาบาล ซึ่งบจ.ที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 9 ตัวด้วยกันดังนี้ KTB ,BCH ,IRPC ,BDMS ,GFPT ,SCB ,TOP และ CPF
ตารางแสดงการเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้นเปรียบเทียบกับ SET ในระยะสัปดาห์
ทั้งนี้ตามตารางด้านบนแสดงให้เห็นว่าภายในระยะสัปดาห์ SET ปรับตัวขึ้นไป 15.39 จุด หรือคิดเป็น 1.04% นับตั้งแต่ดัชนีอยู่ที่ระดับ 1,477.34 จุด เมื่อวันที่ 17 ต.ค.59 ขณะที่ราคาหุ้น KTB และ BCH ทรงตัวในระยะสัปดาห์ ด้านราคาหุ้น IRPC ปรับตัวลง 0.02 บาท หรือ 0.41%, BDMS ปรับตัวลง 0.10 บาท หรือ 0.46% , GFPT ปรับตัวลง 0.10 บาท หรือ 0.67% ,SCB ปรับตัวลง 1 บาท หรือ 1.42% , TOP ปรับตัวลง 1 บาท หรือ 1.42% และCPF ปรับตัวลง 0.75 บาท หรือ 2.34%
โดย บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ว่าแนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังได้แรงหนุนจากการเพิ่มขึ้นของหุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมัน, โรงกลั่น และ ปิโตรเคมี รับผลบวกจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวขึ้นแรง และยังเป็นกลุ่มที่ราคายัง Laggard หากเทียบกับ SET โดยเฉพาะ TOP, IRPC, PTTEP และ PTT ซึ่งเป็นหุ้นที่ราคาฟื้นตัวช้าที่สุดของกลุ่ม
ส่วนกลุ่มธนาคารเป็นอีกกลุ่มที่ราคาฟื้นตัวช้ากว่าตลาดเนื่องจากกังวลแนวโน้มผลประกอบการในปีหน้า แต่ด้วยราคาที่ลดลงแรงในช่วง 3 วันที่ผ่านมาทำให้downside เริ่มจำกัดและมี Dividend yield อยู่ในระดับที่น่าสนใจจึงมีโอกาสที่จะเห็นแรงซื้อกลับ โดยเฉพาะ BBL, SCB และ KTB ซึ่งให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ย 4% ต่อปี
ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็กจะยังมีแรงซื้อเก็งกำไรไตรมาส 3/59 เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยกลุ่มที่แนวโน้มผลประกอบการดีและราคายังปรับขึ้นไม่มากคือ กลุ่มอาหาร (CPF, GFPT และ CBG) และกลุ่มโรงพยาบาล (BDMS, BCH)
อนึ่งหุ้นที่ปรับตัวขึ้นช้ากว่าตลาดนั้นมีการคาดการณ์กันว่าจะยังมีแนวโน้มที่จะสามารถปรับตัวขึ้นไปเท่ากับ หรือมากกว่าตลาดได้ เนื่องจากบจ.ในตลาดหุ้นส่วนใหญ่จะปรับตัวสอดคล้องกับภาวะตลาดโดยรวม อีกทั้งบจ.เหล่านี้ยังคงมีปัจจัยบวกจากข่าวต่างๆ และแนวโน้มผลประกอบการในปีนี้ยังคงเติบโตได้ดี ส่วนใหญ่เกิดจากการเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ จึงมองว่าช่วงราคาหุ้นปรับตัวลง หรือยังปรับตัวขึ้นไม่มากนั้นเหมาะกับการเข้าซื้อสะสม
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน