ซื้อเลย HMPRO หลังประกาศกำไร Q3 หรู โบรกฯ ฟันธง Q4 โกยรายได้ต่อรับไฮซีซั่น

ซื้อเลย HMPRO หลังประกาศกำไร Q3/59 อย่างหรู โบรกฯ ฟันธง Q4/59 โกยรายได้ต่อรับไฮซีซั่น ชูอัพไซด์กว่า 30%


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์  ได้สำรวจบทวิเคราะห์ของ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ HMPRO ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างแนะนำ ซื้อ” หลังเป็นอีกหนึ่งบริษัทที่หน้าชื่นตาบาน โกยกำไรไตรมาส 3/59 กว่า 948.42 ล้านบาท หรือเติบโต 18% จากปีก่อนอยู่ที่ 802.72 ล้านบาท นอกจากนั้นมีการคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจะขึ้นสู่จุดสูงสุดของปีในไตรมาส 4/59 รับเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น อีกทั้งบริษัทจะมีการจัดงาน HomePro Expo ซึ่งคาดว่าจะช่วยกระตุ้นยอดขายได้จำนวนมาก

ตารางแสดงข้อมูล คำแนะนำการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ 3  แห่ง

 g201627

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด  ระบุในบทวิเคาะห์ โดยแนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 11.70 บาท หลังจากมองกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/59 เติบโตดีตามคาด ทั้งนี้ประเมินผลประกอบการไตรมาส 4/59  คาดกำไรสุทธิเป็นระดับสูงสุดของปี เนื่องจากเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และ มีการจัดงาน HomePro Expo ช่วยกระตุ้นยอดขาย อีกทั้งสินค้าปรับปรุงซ่อมแซมบ้านยังคงมี Demand อย่างต่อเนื่อง ประกอบกับจะมีการเปิดสาขา Home Pro 2 สาขา Mega Home 2 สาขา มาเลเซีย 1 สาขา และ เปิดร้านรูปแบบใหม่คือ Home Living 3 สาขา

ทั้งนี้ คำแนะนำการลงทุน กำไรสุทธิ 9 เดือนแรกของปี 59 คิดเป็น 71% ของประมาณการกำไรปีนี้ ขณะที่โดยปกติกำไรช่วง 9 เดือนแรกของ HMPRO จะมีสัดส่วน 67-70% ของกำไรทั้งปียังคงประมาณการเดิมที่คาดว่ากำไรสุทธิปีนี้จะเติบโต 13% เป็น 3,945 ล้านบาท และ เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 12% เป็น 4,408 ล้านบาทในปี 60 โดยมีปัจจัยผลักดันจาก SSSG ในเกณฑ์ดี การขยายสาขา และ การควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ 

 

ขณะเดียวกัน บล.บัวหลวง จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 13.10 บาท มองกำไรไตรมาส 3/59 ออกมาตามคาดโดย HMPRO รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 ที่ 948 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากปีก่อน แต่ลดลง 4% จากไตรมาสก่อน โดยกำไรสุทธิในช่วง 9 เดือนแรกคิดเป็น 68% จากการคาดการณ์ประมาณการปี 59

โดยยอดขายรวมขยายตัว 7% จากปีก่อน มาอยู่ที่ 1.38 หมื่นล้านบาท โดยยอดขายโฮมโปรในประเทศไทยเติบโต 4% จากปีก่อนเป็น 1.21 หมื่นล้านบาท ในขณะที่ยอดขายสาขาเดิมลดลง 0.5% เนื่องจากปริมาณฝนที่มากกว่าในปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ยอดขายสาขาโฮมโปรในประเทศมาเลเซียสำหรับไตรมาสนี้อยู่ที่ 123ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11% จากปีก่อน ในขณะที่ยอดขายเมกาโฮมก้าวกระโดดขึ้น 40% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1.5 พันล้านบาท หนุนโดยยอดขายจากสาขาใหม่และยอดขายสาขาเดิมที่เติบโตดี

ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 25.4% ในไตรมาส 3/59 ลดลงจาก 25.9% ในไตรมาส 3/58 จากสัดส่วนยอดขายเมกาโฮมที่เพิ่มขึ้นและอัตรากำไรจากสาขาโฮมโปรที่ลดลง (26 % ในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับ 26.4% ในไตรมาส 3/58) ตามสัดส่วนสินค้าแบรนด์ตนเองที่ลดลง (สัดส่วนสินค้าแบรนด์ตนเอง 18.9% ในไตรมาส 3/59 เมื่อเทียบกับ 20.4% ในไตรมาส 3/58)

อย่างไรก็ตามสัดส่วนนี้เพิ่มขึ้นจาก 18.1 % ในไตรมาส 2/59 เนื่องจากบริษัทเริ่มทยอยเปิดตัวสินค้าเฮ้าส์แบรนด์หลังการปรับปรุงบางส่วนแล้วเสร็จสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายลดลงมาอยู่ที่ 22.9% ในไตรมาส 3/59 จาก 23.6% ในไตรมาส 3/58 หนุนโดยผลการดำเนินงานของสาขาเมกาโฮมและสาขาโฮมโปรในประเทศที่ดีขึ้นค่าเช่าและการบริการปรับเพิ่มขึ้น 23% จากปีก่อน  มาอยู่ที่ 425 ล้านบาท รายได้ส่วนใหญ่มาจากการจัดงาน HomePro Fair ครั้งแรก

นอกจากนี้ มองว่าอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมน่าจะกลับมาเป็นเติบโตในไตรมาส 4/59 เนื่องจากเริ่มเข้าช่วงฤดูการก่อสร้าง อีกทั้งอัตรากำไรขั้นต้นของ HMPRO น่าจะกลับมาเป็นช่วงขาขึ้นอีกครั้งในไตรมาส 4/59 เนื่องจากการเปิดตัวสินค้าเฮ้าส์แบรนด์เพิ่มขึ้นและการเปิดร้าน Home Living สามสาขา ซึ่งมีสินค้าจากแบรนด์ตนเองมากกว่า 50%

 

ขณะเดียวกัน บล.เออีซี ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.40 บาท มองกำไรยังโตสดใสตรงตามคาดYoY ซึ่งเป็นผลมาจาก 1) ยอดขายรวมโต 7.2% จากปีก่อน โดยแม้ยอดขายสาขาเดิมจะหดตัว จากปีก่อน หลังได้รับผลกระทบจากอัตราการตกของฝนเฉลี่ยที่สูงขึ้นและมียอดขายสาขาเดิมบางส่วนถูกดึงไปจากการจัด HomePro Fair ครั้งแรกที่อิมแพค (23-31 ก.ค. 59) แต่ยังถูกชดเชยได้ด้วยการรับรู้ยอดขายสาขาใหม่ที่เปิดต่อเนื่อง(ช่วงไตรมาส 3/59 มีเปิดโฮมโปรสาขาบางเสร่ ชลบุรีและเมกาโฮมที่หาดใหญ่) และรับรู้ยอดขายจากงาน HomePro Fair ราว 450 ล้านบาท 2) รายได้อื่นๆ โต 13.9% จากปีก่อน ตามการเพิ่มขึนของพื้นที่เช่าหลังขยายสาขาและปรัปปรุงพื้นที่เช่าที่ศูนย์การค้ามาร์เก็ตวิลเลจ สาขาสุวรรณภูมิ

รวมทั้งได้รับค่าสนับสนุนการขายจากคู่ค้าและค่าบริการโฮมแคร์เพิ่มขึ้น และ 3) Gross Margin แม้ลดลงจาก 25.9% ในช่วงไตรมาส 3/58 เป็น 25.4% จากมีสัดส่วนยอดขายที่เพิ่มขึ้นในธุรกิจเมกาโฮมซึ่งมีมาร์จิ้นต่ำ แต่ยังถูกชดเชยได้จากมี SG&A/Sales ที่ลดลงจาก 23.6% ในช่วงไตรมาส 3/58  เป็น 22.9% หลังธุรกิจเมกาโฮมมียอดขายเพิ่มขึ้นเพียงพอกับค่าใช้จ่ายและเริ่มมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น

ส่วนช่วงไตรมาส 4/59 คาดเป็นพีคของกำไรปีนี้หลังเป็น High Season บวกกับมีแผนเปิดโฮมโปรและเมกาโฮมโปรเพิ่มอีกอย่างละ 2 แห่ง และที่มาเลเซียอีก 1 แห่ง ซึ่งคาดหนุนปี 59 กำไรโต 15.9%จากปีก่อน และคาดโตต่อ 12.2%จากปีก่อน ในปี 60  ตามแผนขยายสาขาโฮมโปรปีละ 4-5 แห่ง และเมกาโฮมปีละ 3-4 แห่ง ควบคู่ไปกับการขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ เช่น Bike Club และ Home Living 

 

ด้านราคาหุ้น HMPRO ปิดตลาดวานนี้ (27 ต.ค.) อยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% มูลค่าซื้อขาย 178.78 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีอัพไซด์มากถึง 26% จากราคาเป้าหมายที่ 13.10 บาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นกลับมาน่าสนใจ และมีโอกาสปรับขึ้นแรงได้อีกครั้ง 

Back to top button