โบรกฯชู STPI หุ้นเด่นเดือนพ.ย.โกยกำไรทะลัก-อัพไซด์กระฉูด!

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ บริษัท เอสทีพี แอนด์ ไอ จำกัด (มหาชน) หรือ STPI ที่โบรกเกอร์หลายสำนักให้ความสนใจ ชูหุ้น Bottom Play ที่แนะนำเป็นหุ้นเด่นเดือน พ.ย. 59 หลังเทคนิคเด่นลุ้นทดสอบต้าน 9.45/9.7 บาท

ที่สำคัญราคาหุ้นยังถูก โดยเห็นได้จากค่า P/E อยู่ที่ 6.00 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/บริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งอยู่ที่ 27.81 เท่า อีกทั้งราคาหุ้นมีเป้าหมายสูงสุดถึง 15 บาท และมีอัพไซด์เกือบ 55% ตรงนี้น่าก็จะเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นกลับมาน่าสนใจ และมีโอกาสขึ้นแรงได้อีกครั้ง

 

กราฟแสดงสัญญาณทางเทคนิคหุ้น STPI

 

ตารางแสดงคำแนะนำการลงทุน

โดยบริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายที่ 15.00 บาท แม้คาดกำไรครึ่งปีหลังของปีนี้ชะลอตัวจากปีก่อนและไตรมาสก่อนหน้า แต่จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปี 60 เพิ่มขึ้น12.7%  ที่ 1.53 พันลบ. จากแนวโน้มการได้งานใหม่ปลายปีและทิศทางราคาน้ำมันผ่านพ้นจุดต่ำสุด นอกจากนี้ยังได้รับอานิสงค์ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ยืนเหนือ 50 เหรียญ/บาร์เรล ปรับตัวขึ้นรอบใหม่หนุนโครงการ LNG ฟื้นตัว และความคืบหน้า โครงการ Pacific Northwest

ขณะที่ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อข่าว STPI ได้งานใหม่ราว 17 ล้านดอลล่าร์สหรัฐ ซึ่งทำให้ backlog ของบริษัทเพิ่มขึ้นราว 44% มาอยู่ที่ราว 1,980 ล้านบาท และคิดเป็นการได้งานเพิ่มคิดเป็นราว 60% ของประมาณการงานใหม่ทั้งปี 59 นอกจากนี้เรามองงานใหม่ดังกล่าวจะไม่กระทบต่อ capacity ในการรับงาน

สำหรับราคาหุ้นปัจจุบันมองว่าได้สะท้อนความกังวลตลาดต่อการได้งานใหม่ของบริษัทที่ล่าช้าไปมากแล้ว และบริษัทมีความน่าสนใจจากความคืบหน้าของงานระหว่างรอผลประมูลอย่าง Pacific Northwest มูลค่าราว 10,000-20,000 ล้านบาท ที่ผ่าน EIA และมีแนวโน้มจะทราบความคืบหน้าของการตัดสินใจลงทุนในช่วงปลายไตรมาส 4/60 ซึ่งบริษัทมีโอกาสได้รับ sub-contract โครงการดังกล่าวสูงจากความสัมพันธ์ที่ดีกับ Turn-key EPC Contractor

ดังนั้นจึงชูเป็นหุ้น Bottom Play ที่แนะนำเป็นหุ้นเด่นในเดือน พ.ย. 59 กำลังมีภาพเชิงเทคนิคเด่น ลุ้นทดสอบแนวต้าน 9.45/9.70 บาท

 

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 11.30 บาท หลังรัฐบาลแคนาดาอนุมัติโครงการ Pacific Northwest LNG ให้เดินหน้าต่อได้ หลังการตัดสินใจยืดเยื้อมาตั้งแต่ มิ.ย 58 ถือเป็นการปลดล็อกครั้งสำคัญให้กับโครงการดังกล่าว โดย STPI ได้เข้าร่วมประมูลในฐานะผู้รับเหมาช่วงให้กับ EPC Contractor 2 ราย ที่อยู่ใน Short List ที่มีโอกาสได้รับงานก่อสร้างคือ Bechtel และ KBR เชื่อว่า Petronas ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โครงการนี้ จะใช้เวลาไม่นานในการปรับแบบก่อสร้างให้สอดคล้องกับเงื่อนไขสิ่งแวดล้อม เพื่อประกาศการตัดสินใจขั้นสุดท้าย จึงมีความเป็นไปได้สูงที่ STPI จะได้รับงานโครงการนี้มูลค่า 1-2 หมื่นล้านบาท ในปี 60

ส่วนโครงการ Ichthys ซึ่งเป็นโครงการที่สร้างรายได้ในช่วงระหว่างปี 2556 – 2559 ได้ส่งมอบงาน Shipment สุดท้ายตามกำหนดในเดือน ส.ค ที่ผ่านมา แม้มูลค่าส่งมที่จะรับรู้ในไตรมาส 3/59 เหลือเพียง 1.4 พันล้านบาท แต่การสรุปปริมาณงานขั้นสุดท้ายที่คาดว่าจะมีมูลค่าเพิ่มจากสัญญาหลักอีกประมาณ 2-3% ซึ่งเป็นส่วนที่แทบจะไม่มีต้นทุน เมื่อหักลบกับค่าใช้จ่ายต่างๆและการตั้งสำรองความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต เชื่อว่ากำไรไตรมาส 3/59 น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดี ไม่ต่ำกว่างวดไตรมาส 2 ที่ทำได้ 572 ล้านบาท

 

ด้านราคาหุ้น STPI ปิดตลาดวาานนี้ (3 พ.ย.) ราคาอยู่ที่ 9.70 บาท บวก 0.50 บาท หรือ 5.43% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 460.84 ล้านบาท  และมีค่า P/E อยู่ที่ 6.00 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง/บริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่งอยู่ที่ 27.81 เท่า อีกทั้งราคาหุ้นมีเป้าหมายสูงสุดถึง 15.00 บาท และมีอัพไซด์เกือบ 55%