รีบซื้อ STA ราคาต่ำกว่า Book Valueลุ้นกำไรครึ่งปีหลังโตแกร่งรับยางพาราฟื้น

รีบซื้อ STA ราคาต่ำกว่า Book Value ลุ้นกำไรครึ่งปีหลังโตแกร่งรับยางพาราฟื้น


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้สำรวจบทวิเคราะห์ของ บริษัท ศรีตรังแอโกรอินดัสทรี จำกัด (มหาชน) หรือ STA ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างแนะนำ “ซื้อ” หลังจากราคายางสังเคราะห์พุ่งขึ้น ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์หันมาเพิ่มปริมาณยางพารามาในส่วนผสม ทดแทนยางสังเคราะห์ที่ราคาแพง ด้าน Valuation ของ STA ในปัจจุบันก็ถือว่ายังถูก เพราะราคาปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (Book Value:BV) ล่าสุดวันที่ 7 พ.ย.59 อยู่ที่ 16.66 บาท 

ด้านราคาหุ้น STA ปิดตลาดวานนี้ (7 พ.ย.) อยู่ที่ 10.40 บาท บวก 0.10 บาท หรือ 0.97% มูลค่าซื้อขาย 178.78 ล้านบาท โดยบริษัทยังมีอัพไซด์มากถึง 26% จากราคาเป้าหมายที่ 13.10 บาท ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นกลับมาน่าสนใจ และมีโอกาสปรับขึ้นแรงได้อีกครั้ง

ตารางแสดงข้อมูล คำแนะนำการลงทุนของบริษัทหลักทรัพย์ แห่ง

 

ด้าน บล.ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยมองว่าจากราคายางพาราที่ปรับตัวขึ้นมาในช่วงนอกฤดูกาลคือช่วงนี้ หลังจากราคายางสังเคราะห์พุ่งขึ้นมาก ทำให้ผู้ผลิตยางรถยนต์เพิ่มการนำยางธรรมชาติเข้ามาผสมกับยางสังเคราะห์ในปริมาณที่มากขึ้น ทำให้ราคายางพาราช่วงนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีตามราคายางสังเคราะห์

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิในไตรมาส 3/59 ของ STA จะออกมาดีขึ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 365 ล้านบาท เติบโต 5% จากงวดเดียวกันของปีที่แล้ว ส่วนทั้งปีคาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 1,335 ล้านบาท เติบโต 19.4% จากปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม หากราคายางพารายังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก็อาจทำให้นักวิเคราะห์ฯปรับประมาณการในอนาคตได้เช่นกัน

สำหรับ Valuation ของ STA ในปัจจุบันก็ถือว่ายังถูก เพราะราคาปัจจุบันยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่า Book Value ที่อยู่ระดับประมาณ 17 บาท

 

ขณะที่ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” หุ้น STA ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 17 บาท จากเดิม 14.2 บาท โดยมีมุมมองราคายางเข้าสู่ขาขึ้นแล้ว คาดว่าระดับสต็อกยางที่ต่ำสุดในรอบ 2 ปีที่ท่าเรือ Qingdao ในจีน จะท่าให้เกิดการสะสมสต็อกรอบใหม่ และหนุนอุปสงค์ราคายางธรรมชาติ (Natural Rubber :NR)

นอกจากนี้ คาดว่าอุปสงค์ยางรถยนต์จะโตเฉลี่ยปีละ 8.4% ในช่วงปี 2559-2564 เนื่องจากเป็นช่วงที่ต้องเปลี่ยนยางใหม่หลังจากที่ยอดขายรถยนต์พุ่งกระฉูดในปี 53 รวมถึง STA ยังสามารถท่าก่าไรได้ดีแม้ในช่วงที่ธุรกิจอยู่ในขาลง โดยมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงถึง 4%

พร้อมปรับเพิ่มประมาณการกำไรสุทธิปี 60 ขึ้นอีก 4% เพื่อสะท้อนมุมมองว่าราคายางธรรมชาติได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วในช่วงขาลงที่ยาวนานถึง 6 ปีของตลาดยาง จนทำให้มีผู้ผลิตและผู้ค้าหลายรายที่อยู่ไม่รอด แต่ STA ยังสามารถค่อย ๆ เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งตลาดได้จนถึงประมาณ 50-60% ของปริมาณการส่งออกยางแท่งของไทย ดังนั้น จึงเชื่อว่า STA จะได้อานิสงส์เต็มที่จากการที่ตลาดกลับเข้าสู่ขาขึ้นอีกครั้ง

ทั้งนี้ ราคายางธรรมชาติ ได้ขยับเพิ่มขึ้นมาแล้ว 27% นับจากต้นปี เป็นระดับ 1.5 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจากอุปสงค์ยางรถยนต์ที่แข็งแกร่งในช่วงปี 59-64 ตามยอดขายรถยนต์ที่พุ่งสูงขึ้นมาตั้งแต่ปี 53 ซึ่งก่าหนด 6 ปีที ต้องเปลี่ยนยางจะมาถึงในปี 59 ซึ่งจะช่วยให้อุปสงค์ยางธรรมชาติเพิ่มขึ้น

โดยได้ปรับเพิ่มสมมติฐานราคายางตลาด SICOM TSR20 ปี 60 เป็น 1.65 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม จาก 1.4 เหรียญสหรัฐ/กิโลกรัม แต่ปรับลดสมมติฐานกำไรจากการป้องกันความเสี่ยงลง 21% เพื่อสะท้อนถึงมุมมองว่าราคายางธรรมชาติ กลับเข้าสู่ขาขึ้น และท่าให้ปรับเพิ่มประมาณการก่าไรสุทธิปี 60 ขึ้นอีก 4% เป็น 1,562 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 1,401 ล้านบาท

 

อย่างไรก็ตาม บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ ว่า บริษัทคาดการณ์กำไรสุทธิของ STA ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 1,313 ล้านบาท เติบโต 17% จากปีที่แล้ว โดยมาจากปริมาณขายที่ดีขึ้นจากที่ได้ส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นหลังผู้ประกอบการบางรายปิดกิจการเพราะภาวะอุตสาหกรรมไม่ดีก่อนหน้านี้ ขณะที่ STA ยังได้อัตรากำไร (มาร์จิ้น) ที่ดีขึ้นจากราคายางพาราที่สูงขึ้นด้วย

สำหรับราคายางพาราปรับตัวดีขึ้น ส่วนหนึ่งอาจมาจากภาวะภัยแล้งที่เกิดขึ้นในปีนี้ทำให้มีผลต่อปริมาณการผลิตของตลาด ขณะที่ยังมีคำสั่งซื้อทยอยเข้ามา โดยลูกค้ารายใหญ่ก็ยังคงเป็นจีน อีกทั้งผู้ประกอบการธุรกิจยางพาราก็มีปิดกิจการไปบ้าง จึงทำให้ภาพรวมของอุตสาหกรรมยางพาราดูดีขึ้น 

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้บริษัทแนะนำให้ “ซื้อ” หุ้น STA ไปแล้ว และระดับราคาหุ้นก็ได้ขยับขึ้นมาใกล้ราคาเป้าหมายที่ 14.20 บาท/หุ้น ทำให้ปัจจุบันเหลือเพียง “ถือ” ทั้งนี้ ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นมาคาดว่าจะเป็นการเข้ามาเล่นเก็งกำไรตามผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 และงวดครึ่งปีหลังที่คาดว่าจะออกมาดีกว่าเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีที่แล้ว 

Back to top button