สอยเลย EGCO พลิกมีกำไร ชู P/E ต่ำสุดในกลุ่ม

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ที่นักวิเคราะห์หลายสำนักต่าง แนะนำ "ซื้อ" หลังมองว่าแนวโน้ม Q3/59 จะออกมาพีคที่สุดของปี อีกทั้งตุน backlogs ในมืออีกเพียบ หนุนกำไรระยะยาว


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์บริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO ที่เหล่ากูรูคาดการณ์ว่าจะพลิกมีกำไรสำเร็จ ซึ่งบริษัทไม่ทำให้ผิดหวัง Q3/59 พลิกมีกำไรท่วมท้น นอกจากนี้ตุน Backlogs อีกเพียบช่วยหนุนกำไรระยะยาว

ที่สำคัญราคาหุ้นยังถูก โดยเห็นได้จากค่า P/E อยู่ที่ 17.12 เท่า ซึ่งต่ำกว่า P/E กลุ่มบริการ/สื่อและสิ่งพิมพ์ ซึ่งอยู่ที่ 23.27 เท่า อีกทั้งราคาหุ้นมีเป้าหมายสูงสุดถึง 230.00 บาท และมีอัพไซด์เกือบ 17% เป็นแรงหนุนให้ราคาหุ้นกลับมาน่าสนใจ และมีโอกาสขึ้นได้อีกครั้ง 

 

วานนี้ (9 พ.ย.) EGCO รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.59 มีกำไรสุทธิ 2.84 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 5.40 บาทต่อหุ้น เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 151.32 ล้านบาท หรือขาดทุนสุทธิ 0.29 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ผลการดำเนินงานในไตรมาสนี้พลิกมีกำไรเนื่องจากรายได้จากการขายและบริการไฟฟ้าเพิ่มมาอยู่ที่ 7,426.66 ล้านบาท จากปีก่อนอยู่ที่ระดับ 4,205.42 ล้านบาท นอกจากนี้ค่าใช้จ่ายในการบริหารลดลงมาอยู่ที่ 555.61 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 700.74  ล้านบาท ขณะเดียวกันต้นทุนทางการเงินลดลงมาอยู่ที่381.52 ล้านบาท เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 3,931.65 ล้านบาท

ขณะที่ผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกมีกำไรสุทธิ  7.48 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 14.21 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 169.26% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไร 2.78 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 5.28 บาทต่อหุ้น โดยกำไรที่ออกมาถือว่าใกล้เคียงกับที่นักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ไว้โดยก่อนหน้านี้

 

บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230.00 บาท โดยมองแม้ว่าไตรมาส 3 ไปจนถึงสิ้นปีจะเป็นช่วงโลว์ซีซั่นสำหรับกลุ่มโรงไฟฟ้า แต่คาดการดำเนินงานของ EGCO ในไตรมาส 3/59 ฉายแววการเติบโตที่น่าตื่นเต้นที่สุดในบรรดากลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค  

ทั้งนี้ คาดกำไรเติบโตโดดเด่นในไตรมาส 3/59 อยู่ที่ 2,765 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 35% จากไตรมาสก่อนหน้า พลิกกลับจากขาดทุนในไตรมาส 3/58  จากอัตราค่าไฟฟ้าเละอัตรากำลังการผลิตจากโรงไฟฟ้าขนอม 4 ที่อยู่ในช่วงขาขึ้น ในขณะที่บริษัทมีการปิดซ่อมบำรุงเพียงบางส่วนเท่านั้น ทั้งนี้ กำไรไตรมาส4/59 มีแนวโน้มอ่อนตัวลง จากการผลิตและอุปสงค์ที่อ่อนตัว แต่ตัวเลขกำไรทั้งปียังมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น 38% จากปีก่อนซึ่งถือว่าโดดเด่นในกลุ่มโรงไฟฟ้า

นอกจากนี้ นโยบายเน้นการเติบโตของ EGCO ทำให้เชื่อว่ายังมีปัจจัยอื่นที่ช่วยในการปรับราคาเป้าหมายในปัจจุบันเพิ่มขึ้นได้อีก ทั้งจากการขายโครงการที่มีผลตอบแทนต่ำออกไปหรือไม่ก็ลงทุนในการธุรกิจที่มีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงขึ้นกว่าเดิม โดยในปัจจุบันบริษัทมีหลายโครงการที่อยู่ในระหว่างการศึกษา อาทิ เช่นโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว (โครงการปากแบงขนาด 912 เมกะวัตต์ และโครงการน้ำเทิน 1 ขนาด 615 เมกะวัตต์) โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพในประเทศอินโดนีเซีย (ส่วนต่อขยาย SEG หน่วยที่ 3 และ 4 ขนาดหน่วยละ 60 เมกะวัตต์) และโรงไฟฟ้าถ่านหินในเวียดนาม (1,220 เมกะวัตต์) โดยโครงการดังกล่าวคิดเป็นอัพไซต์ 20% ของกำลังการผลิตในปัจจุบัน คาดว่าข่าวดีน่าจะเห็นความชัดเจนได้ตั้งแต่ปีหน้า ซึ่งปัจจัยเหล่านี้จะช่วยหนุนให้มีการปรับประมาณการกำไรของ EGCO เพิ่มขึ้นได้

 

รวมทั้งบริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230.00 บาท คาดกำไรไตรมาส 3/59 ขึ้นทำจุดสูงสุดของปีโดยคาดว่าจะอยู่ที่ 3 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7%จากไตรมาสก่อนโดยเป็นผลมาจากทั้งผลการดำเนินงานปกติและรายได้พิเศษ

ในส่วนของกำไรจากการดำเนินงานปกติคาดจะเพิ่มขึ้น 21.7% จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากการรับรู้โครงการใหม่ขนอม 4  กำลังการผลิต 930 เมกะวัตต์ เต็มที่เป็นไตรมาสมาสแรก (เริ่มเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์เมื่อวันที่ 19 มิ.ย. 2559) อีกทั้งมีการเดินเครื่องด้วย utilization rate สูงถึง 99% จากแผนที่กำหนดไว้ที่ 90% ซึ่งเพิ่มกำไรให้กับ EGCO ราว 500 ล้านบาท นอกจากนี้ในงวดไตรมาส 3/59 ยังได้รับปัจจัยหนุนจากรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า MPPCL กำลังการผลิตรวม 2 ยูนิต ที่ 630 เมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นอีก 8.05% เป็น 57.05% cและการปรับเพิ่มราคาขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าใต้พิภพ SEG (กำลังการผลิตยูนิต 1 – 110 เมกะวัตต์ ยูนิต 2 – 117 เมกะวัตต์ EGCO ถือหุ้น 20%) ขึ้น 40% จากเดิม เต็มที่ทั้งไตรมาส

โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรก กำไรเท่ากับ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 93% ของประมาณการทั้งปีที่ประเมินไว้ นอกจากนี้ มองเป็นหุ้นโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ที่มีการเติบโตที่ชัดเจนจากนี้ไปจาก backlogs ที่มีอยู่ในมือ 7 โครงการ อีกทั้งยังคาดหวังได้กับ upside ใหม่ๆที่น่าจะทยอยมีข้อสรุปเร็วนี้ หนุนกำไรเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว รวมทั้งยังให้ผลตอบแทนปันผลสม่ำเสมอเฉลี่ยกว่า 3.3% ต่อปี

รวมทั้งคาดกำไรสุทธิไตรมาส 3/59 เท่ากับ 3.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.7% จากไตรมาสก่อน โดยเป็นผลมาจากทั้งผลการดำเนินงานปกติและรายได้พิเศษ โดยในส่วนของกำไรปกติคาดจะเพิ่มขึ้น 21.7% จากไตรมาสก่อนมาอยู่ที่ 2.6 พันล้านบาท จากการรับรู้โครงการใหม่ขนอม 4  เต็มที่เป็นไตรมาสมาสแรก และรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้า MPPCL เพิ่มขึ้นอีก 8.05% และการปรับเพิ่มราคาขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าใต้พิภพ SEG

ขณะที่ในส่วนของรายการพิเศษมีการบันทึกกลับเป็นกำไรจาก Fx สูงถึง 422 ล้านบาท เทียบกับงวดก่อนหน้าที่บันทึกเป็นขาดทุนจาก Fx โดยรวมแล้วคาดกำไรสุทธิงวด 9 เดือนแรก เท่ากับ 7.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 175.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 93% ของประมาณการทั้งปีที่ประเมินไว้

ด้านทิศทางกำไรไตรมาส 4/59 ทำระดับต่ำสุดของปี ตามฤดูกาลเบื้องต้นยังคงประมาณการกำไรสุทธิทั้งปี 2559 โดยยังไม่รวมรายการพิเศษกำไรจาก Fx ที่เกิดขึ้นในงวดไตรมาส 3 ประมาณการ แต่ทิศทางกำไรปกติในงวด ไตรมาส 4/59 คาดจะเห็นการปรับตัวลดลงอย่างมีนัยฯจากงวดไตรมาส 3 จากโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ที่เดินเครื่องครบกำหนดชั่วโมงตามสัญญากับ EGAT (CAH) ไปแล้วในช่วง 10-11 เดือนแรกของปี ส่งผลให้ความพร้อมจ่ายในไตรมาสสุดท้ายของปีจะปรับตัวลดลง นอกจากนี้คาดจะมีการบันทึกค่าใช้จ่ายต้นทุนคงที่ของโครงการที่หมดอายุสัญญา

อีกทั้งภาพระยะยาวยังแข็งแกร่งจากทั้ง backlogs ในมือ และ upside จากโครงการใหม่แนวโน้มกำไรในช่วง 5 ปี ข้างหน้า คาดจะเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่องจาก backlogs ในมือกว่า 7 โครงการทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งเข้ามาชดเชยโครงการเก่าที่หมดอายุลงในช่วงที่ผ่านมา และสามารถสร้างการเติบโตได้ต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย อีกทั้งยังมีอีกหลายโครงการที่อยู่ระหว่างการเจรจายื่นข้อเสนอ อาทิ โรงไฟฟ้าน้ำเทิน 1 ประเทศลาว, โรงไฟฟ้าถ่านหินกวางจิ ประเทศเวียดนาม และโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ปากแบง ประเทศลาว เป็นต้น ซึ่งล้วนเป็น upside ที่ยังไม่รวมไว้ในประมาณ

 

ขณะเดียวกัน บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 230.00 บาท โดยคาดไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่มีกำไรสูงสุดของปีนี้มองว่าพุ่งขึ้นแรง 137% จากปีก่อน เพิ่มขึ้น 62% จากไตรมาสที่ผ่านมา ซึ่งกำไรที่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจาก 1) กำไรจากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้นของ 1.1) โรงไฟฟ้าขนอมใหม่ (KN4) ที่ได้เริ่มผลิตเมื่อ 19 มิ.ย.59 และผลิตเต็มไตรมาสใน ไตรมาส3/59 1.2) โรงไฟฟ้าถ่านหิน MPPCL ในฟิลิปปินส์ ซึ่งมีสัดส่วนถือหุ้นเพิ่มอีก 8.05% เป็น 57.05% 3) โรงไฟฟ้าพลังความร้อนใต้พิภพ (SEG) ในอินโดนีเซีย ได้รับอนุมัติให้ปรับอัตราค่าไฟฟ้า เพิ่มขึ้น 40% ในปลายเดือน มิ.ย.59 2) กำไร FX ประมาณ 500 ลบ.   

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/59 คาดว่าอ่อนตัว จากไตรมาส 3 เนื่องจากเข้าสู่ช่วงฤดูหนาวที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าค่อนข้างน้อย ซึ่งเป็นไปตามปัจจัยฤดูกาล โครงการในมือ เป็นไปตามแผน ความคืบหน้าของโรงไฟฟ้าที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง 7 โครงการ ยังคงเป็นไปตามแผน โดยมีกำหนดแล้วเสร็จและเริ่มผลิตในปี 60-62

 

ด้านราคาหุ้น EGCO ปิดตลาด (9 พ.ย.) ที่ 197.00 บาท บวก 1.00 บาท หรือ 0.51% มูลค่าซื้อขาย 84.48 ล้านบาท

Back to top button