3 กูรูแนะ “ซื้อ” MC โชว์กำไร Q3 แกร่งฟันกำไรต่อ Q4 รับไฮซีซั่น-อัพไซด์พุ่ง

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ฺ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)หรือ MC ที่เหล่าโบรกเกอร์ต่างให้ความสนใจ หลังประกาศงบออกไตรมาส 3/59 ออกมาดีตามคาด เติบโตแข็งแกร่ง อีกทั้งคาดกำไรทั้งปี 59 ยังคงโตจากที่คาดการณ์ไว้


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ฺ ด้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC  ที่เหล่าโบรกเกอร์ต่างให้ความสนใจ หลังประกาศงบออกไตรมาส 3/59 ออกมาดีตามคาด เติบโตแข็งแกร่ง  อีกทั้งคาดกำไรทั้งปี 59 ยังคงโตจากที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ยังมีอัพไซด์สูงถึง 42% จากราคาเป้าหมาย 20.20 บาท

 

โดยนางสาวแสงแข หาญวนิชย์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ กลุ่มงานการตลาด MC เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ายอดขายในปี 60 เติบโต 15% จากปีนี้ โดยกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้าในปีหน้าจะเน้นการจำหน่ายเสื้อผ้าสีสุภาพมากขึ้น หลังจากแนวโน้มความต้องการของลูกค้าเพิ่มมากขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้าที่สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน อีกทั้งบริษัทยังมีการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายเป็นรายสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง โดยตั้งงบการตลาดในปีหน้าอยู่ที่ 2-3% ของยอดขายรวม

ขณะเดียวกันบริษัทยังคงคงเดินหน้าการเปิดสาขาใหม่ในปี 60 ประมาณ 20-30 สาขา เงินลงทุนสำหรับการเปิดสาขาเฉลี่ย 2.5 ล้านบาท/สาขา โดยจำนวนสาขาที่เปิดใหม่ในปีหน้ามีจำนวนลดลงจากปีนี้ที่เปิดทั้งหมด 60 สาขา เพราะปัจจุบันสาขาของบริษัทถือว่าครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ ของประเทศ และอยู่ในห้างสรรพสินค้าชั้นนำเกือบทุกแห่งที่ลูกค้าสามารถเข้ามาเลือกซื้อสินค้าได้ง่าย

นอกจากนี้บริษัทยังมองโอกาสการขยายตลาดในอาเซียนเพิ่มเติมจากปัจจุบันที่มีการจำหน่ายสินค้าผ่านตัวแทนจำหน่ายในประเทศกลุ่ม CLMV ทั้งกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนามแล้ว โดยบริษัทอยุ่ระหว่างการมองหาพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศมาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย เพื่อแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าในประเทศนั้น ๆ ซึ่งการขยายตลาดไปยัง 3 ประเทศใหม่ในอาเซียนบริษัทมองเห็นถึงอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ยังมีการเติบโตที่สูง โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย ประกอบกับยังไม่ค่อยมีแบรนด์เครื่องแต่งกายที่เป็นแบรนด์ยีนส์ชั้นนำเข้าไปจำหน่ายมากนัก โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศภายใน 3 ปีข้างหน้า หรือในปี 62 อยู่ที่ 5% จากปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศอยู่ที่ 1%

สำหรับแนวโน้มยอดขายในปีนี้บริษัทมั่นใจทำได้ตามเป้าเติบโต 15% โดยในช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทได้ปรับกลยุทธ์การจำหน่ายสินค้าที่เป็นเสื้อภาพสีสุภาพมากขึ้น หลังจากยอดขายตั้งแต่หลังกลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมาเพิ่มสูงมากกว่าปกติ โดยส่วนใหญ่เสื้อผ้าสีดำได้มีความต้องการจากลูกค้าที่เพิ่มสูงมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเครื่องแต่งกายสีดำท่อนบนมีการเติบโตสูงถึง 10 เท่า ส่วนเครื่องแต่งกายสีดำท่อนล่างมีการเติบโต 2-3 เท่า ในช่วงตั้งแต่กลางเดือนตุลาคมที่ผ่านมา

โดยแนวโน้มไตรมาส 4/59 บริษัทยังคาดว่าความต้องการซื้อเสื้อผ้าโทนสีสุภาพยังมีความต้องการมากอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ยอดขายในไตรมาส 4/59 จะดีกว่าปกติที่เป็นช่วงไฮซีซั่นอยู่แล้ว และเป็นไตรมาสที่ยอดขายดีที่สุดของปีนี้ ซึ่งส่งผลช่วยหนุนการเติบโตของยอดขายจากสาขาเดิม (SSSG) เป็นไปตามเป้าหมายที่โต 15% ด้วยเช่นกัน อีกทั้งในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทเตรียมเปิดสาขาใหม่เพิ่มอีก 30 สาขา หลังจากช่วงที่ผ่านมาเปิดสาขาใหม่ไปแล้ว 30 สาขา โดยใช้เงินลงทุนเฉลี่ยสาขาละ 2.5 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีจำนวนสาขาทั้งหมด 873 สาขา แบ่งเป็น สาขาในประเทศ 848 สาขา และสาขาในต่างประเทศ 25 สาขา

คงประมาณการผลการดำเนินงานปี 59 เติบโต 9%จากปีก่อนมาที่ 797.6 ล้านบาท  โดยประมาณการทั้งปี คาดมียอดขายปี 59 เติบโตราว 15%จากปีก่อนมาที่ 4,488.53 ล้านบาท จากกลยุทธ์ในการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย 52 สัปดาห์ 52 โปรโมชั่น ซึ่งได้รับผลตอบรับดีในช่วง9 เดือนที่ผ่านมา คาดไตรมาส 4/59 ยังคงเห็นยอดขายเติบโตในอัตราที่ดีจากการทำโปรโมชั่น บวกกับเป็นช่วง High Season ของค้าปลีก ทั้งนี้ทางฝ่ายคาดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปี 59 จะลดลงเล็กน้อยจาก 56.13% ในปี 58 มาที่ 54.18% ในปี 59 เนื่องจากการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการลดสินค้าคงเหลือ

ส่วนปี 60 ทางฝ่ายยังคงมองแนวโน้มของผลประกอบการจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องราว 9.6% มาที่ 875 ล้านบาท โดยจะมีปัจจัยบวกที่น่าจับตามอง ได้แก่ 1) อัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะดีขึ้นจากปี 59 และ 2) ทิศทางการขายออนไลน์ที่อาจจะได้เห็นยอดขายที่เป็นรูปเป็นร่างในปี 60  คงราคาพื้นฐานปี 60 ที่ 17.10 บาท

 

ด้านบริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป ประเทศไทย จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 17.10 บาท มองผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 ออกมาตามคาดโตแข็งแกร่งที่ 132.14 ล้านบาท เติบโต 17.3% จากปีก่อนโดยมีรายได้เติบโต 9.3% จากปีก่อนมาที่ 880.37 ล้านบาท เนื่องจาก 1) มีการจัดกิจกรรม ส่งเสริมการขายรายสัปดาห์อย่างต่อเนื่อง 2) มีการขยายช่องทางการจัดจำหน่ายเพิ่มตลอดปีที่ผ่านมา โดยเพิ่มขึ้น 5 แห่ง และ  3) มีการเติบโตของรายได้จากการขายเสื้อผ้าท่อนบนที่มากขึ้น โดยจากสิ่งที่ได้กล่าวมาสะท้อนให้เห็นเป็นยอดขายต่อร้านเดิม (Same-Store Sale) ที่เติบโต 9.8%จากปีก่อนทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 3/59 อยู่ที่ราว 54.9% ลดลงจากไตรมาส 3/58ที่ 58.9% เนื่องจากมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายที่ต่อเนื่อง ปัจจุบันบริษัทมีจุดจำหน่ายในประเทศทั้งสิ้น 848 แห่ง แบ่งเป็น ร้านค้าปลีกของตนเอง (Free-standing Shop) 287 แห่ง จุดขายในห้างค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) 555 แห่ง และรถโมบายเคลื่อนที่ (mobile unit) 6 จุดขาย และมีจุดจำหน่ายต่างประเทศ 25 แห่ง รวม 873 แห่ง

คงประมาณการผลการดำเนินงานปี 59 เติบโต 9%จากปีก่อนมาที่ 797.6 ล้านบาท โดยผลการดำเนินงาน9 เดือนแรกคิดเป็น 65.9% ของประมาณการทั้งปี คาดมียอดขายปี 59 เติบโตราว 15%จากปีก่อนมาที่ 4,488.53 ล้านบาท จากกลยุทธ์ในการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย 52 สัปดาห์ 52 โปรโมชั่น คาด ไตรมาส 4/59 ยังคงเห็นยอดขายเติบโตในอัตราที่ดีจากการทำโปรโมชั่น บวกกับเป็นช่วง High Season ของค้าปลีก ทั้งนี้ทางฝ่ายคาดอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยในปี 59 จะลดลงเล็กน้อยจาก 56.13% ในปี 58 มาที่ 54.18% ในปี 59 เนื่องจากการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ในการลดสินค้าคงเหลือ

ส่วนปี 60 ทางฝ่ายยังคงมองแนวโน้มของผลประกอบการจะเติบโตได้ดีต่อเนื่องราว 9.6% มาที่ 875 ล้านบาท โดยจะมีปัจจัยบวกที่น่าจับตามอง ได้แก่ 1) อัตราส่วนกำไรขั้นต้นที่คาดว่าจะดีขึ้นจากปี 59 และ 2) ทิศทางการขายออนไลน์ที่อาจจะได้เห็นยอดขายที่เป็นรูปเป็นร่างในปี 60 

 

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ โนมูระ พัฒนสิน จำกัด ะบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมาย 20.20 บาท  มองกำไรสุทธิ ไตรมาส 3/59 อยู่ที่ระดับ 132.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.3% จากปีก่อน แม้จะเป็นช่วง Low Season นอกจากนี้ในไตรมาสนี้มีการเปิดจุดจำหน่ายใหม่เพิ่มจากไตรมาส 3/58 ทั้งสิ้น 16 แห่ง แบ่งเป็นจุดจำหน่ายในประเทศ 14 แห่ง และต่างประเทศ 2 แห่ง รวมเป็นจุดจำหน่ายทั้งสิ้น 873 แห่ง (ในประเทศ 848 แห่ง และต่างประเทศ 25 แห่ง) ทางด้านความสามารถในการทำกำไรทรงตัวในระดับสูง โดยอัตรากำไรขั้นต้น

อีกทั้งแม้ว่าจะมีการงดจัดกิจกรรมรื่นเริง และแนวโน้มการบริโภคในประเทศจะหยุดชะงักไปในช่วง 1 เดือน แต่เราคาดว่าผลกระทบต่อธุรกิจเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายจะมีจำกัด จากอุปสงค์ต่อเสื้อผ้าในโทนสีขาว-ดำ และสีสุภาพที่มีมากขึ้น ตลอดจนการเร่งออกสินค้าท่อนบนในรูปแบบใหม่ๆเพื่อขยายฐานรายได้ ทำให้อัตราส่วนการขายสินค้าท่อนบน-ท่อนล่างขยับขึ้นจาก 1 ต่อ 1.5 เป็น 1 ต่อ 1 และค่าใช้จ่ายทางการตลาดมีแนวโน้มลดลงในช่วงไตรมาส 4/60 จากการไว้ทุกข์ในประเทศ ทำให้คาดว่าอัตรากำไรของจะปรับตัวสูงขึ้น โดยรวมเราจึงยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59-60 ไว้ที่ระดับ 764.1 และ 866.8 ล้านบาท เติบโต 4.4% และ 13.4% ตามลำดับ      

 

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี  จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ ซื้อเมื่ออ่อนตัว ราคาเป้าหมาย 15.40 บาท มองว่าโปรโมชั่นยังช่วยหนุนกำไรฟื้นตัวช่วงไตรมาส 3/59 กำไรเติบโต 17.3% ทั้งนี้แม้ช่วงไตรมาส 4/59 บรรยากาศจับจ่ายใช้สอยซบเซา หลังประชาชนไม่อยู่ในห้วงอารมณ์ซื้อสินค้า และยังถูกจำกัดขอบเขตการจัดกิจกรรมเพื่อความเหมาะสมกับสถานการณ์ แต่คาดผลกระทบจะเป็นไปอย่างจำกัด หลังยังได้อานิสงส์จากความต้องการเสื้อผ้าโทนสีดำและขาว ตลอดจนสีสุภาพเป็นจำนวนมาก บวกกับแนวโน้มสภาพภูมิอากาศปีนี้คาดจะหนาวกว่าช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งคาดช่วยหนุนดีมานต์แจ็กเก็ตและกางเกงยีนส์เพิ่มขึ้น ขณะที่ SG&A/Sales คาดยังปรับลดลง จากปีก่อนหลังยังคุมค่าใช้จ่ายได้ดี ทำให้คาดช่วงไตรมาส 4/59 MC จะมีกำไรทรงตัวจากปีก่อน และหนุนทั้งปี 2559 มีกำไรสุทธิ 776 ล้านบาท โต 6.0%จากปีก่อนและโตต่อ 9.4%จากปีก่อนในปี 60 หลังคาดเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น

 

ด้านราคาหุ้น MC ปิดตลาดวานนี้ (16 พ.ย.) ราคาอยู่ที่ 14.20 บาท ลบ 0.20 บาท หรือ 1.39% มูลค่าซื้อขาย 6.63 ล้านบาท

Back to top button