3 กูรู แนะเก็บ ILINK ชิงชัย “โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน”

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK ที่นักวิเคราะห์ต่างให้ความสนใจ หลังประกาศงบการเงินไตรมาส 3/59 ออกมายังดูดี นอกจากนี้ยังมีลุ้นประมูลวางระบบไอซีที “โครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน” วงเงิน 1.5 หมื่นล้านบาท ที่เตรียมเสนอเข้าที่ประชุม ครม. ในช่วงสัปดาห์หน้า ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ถึง 45% จากราคาเป้าหมาย 30.00 บาท

ทั้งนี้ รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 61.11 ล้านบาท  เพิ่มขึ้น 1.99% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59.92 ล้านบาท

 

โดยนายณัฐนัย อนันตรัมพร กรรมการ ILINK เปิดเผยว่า บริษัทจะมีโอกาสได้รับผลดีจากโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านที่ทางกระทรวงดีอีจะนำเรื่องเสนอที่ประชุม ครม.ในสัปดาห์หน้า โดยจะทำให้มีความต้องการใช้สายเคเบิลใยแก้วนำแสงเพิ่มขึ้น และยังมีโอกาสได้รับงานติดตั้งโครงข่ายด้วยบางส่วน เนื่องจากบริษัทเป็นทั้งผู้จำหน่ายและรับติดตั้งโครงข่ายด้วย

อย่างไรก็ตาม โครงการนี้ยังคงต้องขึ้นอยู่กับทางบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ได้รับมอบให้ดูแลโครงการดังกล่าวจำนวน 24,700 หมู่บ้าน  ในวงเงิน 15,000 ล้านบาท จากกระทรวงดีอี ว่า ทางทีโอทีจะมีการแบ่งงานออกมามากน้อยแค่ไหน เนื่องจากภาครัฐก็เร่งรัดให้โครงการดังกล่าวแล้วเสร็จให้ทันภายในปี 2560 จึงอาจทำให้ทางทีโอทีต้องออกมาแบ่งงานด้วยการเปิดให้บริษัทต่างๆ เข้าประมูลไปบางส่วน

ด้านพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ความคืบหน้าเรื่องโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ล่าสุดทางกระทรวงดีอีได้เตรียมนำมติของคณะกรรมการเตรียมการด้านดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (บอร์ดดีอี) ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดยให้กระทรวงดีอีลงทุนวางโครงข่ายอินเทอร์เน็ตในโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านจำนวน 24,700 หมู่บ้าน ภายใต้วงเงิน 15,000 ล้านบาท และที่ประชุมยังเห็นชอบให้กระทรวงโอนเงินให้บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ส่วนที่เหลืออีก 15,732 แห่งให้สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เป็นผู้ลงทุน โดยจะเข้าที่ประชุมครม. ในสัปดาห์หน้า ให้ครม.เห็นชอบตามหลักการดังกล่าวของบอร์ดดีอี รวมถึงยกเลิกมติ ครม.ที่เกี่ยวกับโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา

 

ด้านนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เออีซี จำกัด (มหาชน) ประเมินว่า หากโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านที่เตรียมเสนอ ครม.ในครั้งนี้ผ่านมติเห็นชอบ จะส่งผลบวกต่อบริษัทที่ดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบโครงข่าย และให้บริการอินเทอร์เน็ตจำนวน 4 หลักทรัพย์

โดย 4 หลักทรัพย์ที่มีโอกาสได้รับผลบวก ได้แก่  1.บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ILINK 2.บริษัท เอแอลที เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ALT 3.บริษัท ซิมโฟนี่ คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ SYMC ซึ่งทั้ง 3 บริษัทดำเนินเกี่ยวธุรกิจวางระบบโครงข่าย 4.บริษัท อินเทอร์เน็ตประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ INET ซึ่งดำเนินธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการให้บริการอินเทอร์เน็ต

หากโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านผ่านที่ประชุม ครม.เรียบร้อยนั้น จะส่งผลให้บริษัทต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวางระบบโครงข่ายและให้บริการอินเทอร์เน็ตมีโอกาสได้งานเพิ่มขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากมูลค่ารวมโครงการค่อนข้างมาก และอาจเป็นปัจจัยที่ดึงดูดให้นักลงทุนเข้ามาซื้อเก็งกำไร จนทำให้ราคาหุ้นในช่วงนี้มีการเคลื่อนไหว

 

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด ประเมินว่า กรณีโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ที่มีลุ้นมติ ครม.เห็นชอบเดินหน้าโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน 24,700 หมู่บ้าน วงเงิน 15,000 ล้านบาท ในช่วงสัปดาห์หน้า จะเกี่ยวข้องกับกลุ่มวางระบบ ICT ได้แก่ หุ้น INET หุ้นบริษัท แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี จำกัด (มหาชน) หรือ AIT และบริษัท สามารถเทลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ SAMTEL

ทั้งนี้ จากการสำรวจข้อมูลเพิ่มเติม ยังพบอีกว่า นอกจากกลุ่มหลักทรัพย์ดังกล่าวที่จะได้รับผลบวกจากการเดินหน้าโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้านของภาครัฐ คือ บริษัท จัสมิน เทเลคอม ซิสเต็มส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JTS ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาได้ประกาศให้ความสนใจเข้าดำเนินการเช่นกัน

โดย JTS ระบุว่า ทางบริษัทมีความสนใจที่จะเข้าร่วมประมูลโครงการอินเทอร์เน็ตหมู่บ้าน ดังนั้น จากการที่บริษัทมีคุณสมบัติครบถ้วน และมีความพร้อมในการดำเนินงาน จึงมีมติอนุมัติให้เข้าร่วมประมูลโครงการดังกล่าว เพื่อขยายโครงข่ายอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงจำนวน 24,700 หมู่บ้าน

 

ขณะที่นักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 30.00 บาท มองว่านอกจากประเด็นดังกล่าวที่ช่วยหนุนราคาหุ้นของ ILINK บริษัทยังตุน Backlog รองรับการเติบโตปี 60 ไว้หมดแล้ว คาดกำไรโตแรงเป็น 400 ล้านบาท หรือเติบโต 55% ในปี 60 จากการรับรู้รายได้งานในมือ (backlog) ที่มีอยู่แล้ว ราว 1,700 ล้านบาท ประกอบไปด้วยงาน 1) AOT C3 ราว 800 ล้านบาท 2) งาน ก่อสร้างสายส่งระบบ 115 เควี มูลค่าราว 310 ล้านบาท 3) สร้างสถานีไฟฟ้าระบบ 115-22 เควี มูลค่าราว 563 ล้านบาท และงานอื่นๆ

สำหรับ Upside risk ต่อประมาณการกำไรจะมาจาก งานระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (APM) มูลค่าเกือบ 3 พันล้านบาท ซึ่งบริษัทร่วมกับซีเมนส์ ของสนามบินสุวรรณภูมิ คาดรู้ผลภายในปีนี้

นอกจากนี้ธุรกิจจัดจำหน่ายยังคงหนุนการเติบโตที่มั่นคงธุรกิจจำหน่ายสายสัญญาณซึ่งมีสัดส่วนเป็นรายได้หลัก (ราว 50-60%) มีแนวโน้มที่การเติบโตที่สดใสยิ่งขึ้น เพราะได้ปัจจัยหนุนจากการลงทุนของ Mobile Operator และโครงการต่างๆที่เกี่ยวข้องกับ Digital Economy คาดหนุนให้ตลาดสายสัญญาณมีการเติบโตสูงกว่าในอดีต อย่างเช่น การลงทุนในโครงการ National broadband คาดมีความต้องการสาย fiber optic มูลค่าราว 2-4 พันล้านบาท ซึ่งเรามองว่าบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ที่มีศักยภาพที่จะเข้ารับงานนี้เช่นกัน

 

ด้านราคาหุ้น ILINK ปิดตลาดวานนี้ (17 พ.ย.) ราคาอยู่ที่ 20.70 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.47% มูลค่าซื้อขาย 12.35 ล้านบาท