“มาชานลี” ชี้นำ “พิชญ์” ซื้อหุ้นเพิ่ม! จับตา JAS ปันผลพิเศษแต่ราคาม้วยมรณา

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีที่ นายพิชญ์ โพธารามิก ทำคำเสนอซื้อหุ้นบริษัท จัสมิน อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ JAS ภายในวงเงินไม่เกิน 42,500,000,000 บาท โดยกำหนดราคาซื้อที่ 7.25 บาท/หุ้น ซึ่งได้ทำการยื่นคำซื้อตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนที่ผ่านมานั้น นายพิชญ์ เคยให้สัมภาษณ์ว่า หลังจากได้ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น ทางบริษัทมีแผนนำมาตัดลดทุนจดทะเบียนทั้งหมด

อย่างไรก็ตาม ล่าสุด แหล่งข่าวจากวงการเงิน เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจ” ว่า นายชาญ บูลกุล หรือ “มาชานลี” ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของ JAS ให้สัมภาษณ์ผ่านหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจว่า “JAS ไม่จำเป็นต้องลดทุน เพราะการลดทุนต้องดูว่า มีความเหมาะสมหรือไม่กับธุรกิจหรือมีความต้องการใช้เงินหรือไม่หากบริษัทมีเงินเหลือ การซื้อหุ้นคืนน่าจะได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการฝากเงินธนาคาร ส่งผลให้ผู้ถือหุ้นได้รับผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน”

โดยการให้สัมภาษณ์ดังกล่าวนั้นถือเป็นการให้คำปรึกษาของ “มาชานลี” ที่แนะนำให้ขายหุ้นซื้อคืน 1,200 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 16.82% ในกระดานแทนการนำไปลดทุนที่ผิดไปจากแนวปฏิบัติของ JAS อย่างสิ้นเชิง เนื่องจากที่ผ่านมา JAS ไม่เคยขายหุ้นที่ซื้อคืนออกมาเลย แต่ JAS ใช้วิธีการลดทุนด้วยการตัดหุ้นที่ซื้อหุ้นคืนทิ้งทั้ง 5 ครั้ง รอบ 8 ปีที่ผ่านมา

 

ทั้งนี้เป็นที่น่าจับตาว่า JAS จะทำการขายหุ้นออกมาในกระดานตามที่ “มาชานลี” ชี้นำหรือไม่ ซึ่งหากมีการขายหุ้นออกมาจริงจะส่งผลให้ราคาหุ้น JAS ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งมีการคาดการณ์ว่านายพิชญ์อาจอาศัยจังหวะที่ราคาหุ้นปรับลงเข้าไล่ช้อนซื้อหุ้น JAS ในกระดาน เพื่อเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น อีกทั้งมีความไปได้ว่าเมื่อ JAS มีกำไรพิเศษจากการขายหุ้นที่ซื้อคืน อาจนำเงินดังกล่าวมาจ่ายปันผลพิเศษให้ผู้ถือหุ้น แน่นอนว่านายพิชญ์เป็นผู้รับประโยชน์สูงสุดจากเงินปันผลในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่ 72.35%

อนึ่งภายหลังจากครบกำหนด 6 เดือนที่ JAS ซื้อหุ้นคืน 1,200 ล้านหุ้น หรือ 16.82% (ซื้อไปเมื่อวันที่13 มิ.ย.59) ที่ผ่านมา (ตามกฎกระทรวงพาณิชย์ว่าด้วยการซื้อหุ้นคืนฯ พ.ศ.2544 ข้อ 12 ระบุไว้ว่า ให้บริษัทจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนได้ เมื่อพ้นกำหนด 6 เดือน นับตั้งแต่การซื้อหุ้นคืนฯ) เท่ากับว่า JAS จะขายหุ้นที่ซื้อคืนได้ตั้งแต่ 14 ธ.ค.59 เป็นต้นไป