JMT เลือกแล้วไม่เพิ่มทุน JMT Plus กูรูฟัน Q4 สดใสแน่

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น รวมทั้งไตรมาส 4/59 ยังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องหลังปรับเปลี่ยนนโยบายบัญชีสะท้อนกำไรที่แท้จริงมากขึ้น-ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก JMT Plus บริษัทลูก


ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส จำกัด (มหาชน) หรือ JMT หลังจากรายงานกำไรไตรมาส 3/59 เติบโตโดดเด่น รวมทั้งไตรมาส 4/59 ยังมีแนวโน้มสดใสต่อเนื่องหลังปรับเปลี่ยนนโยบายบัญชีสะท้อนกำไรที่แท้จริงมากขึ้น และไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก JMT Plus ซึ่งเป็นบริษัทลูก

 

ตารางแสดงคำแนะนำจากโบรกสำนักต่างๆ

JMT1_1

 

โดยบริษัทหลักทรัพย์ ไอร่า จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์ฯแนะนำ”ซื้อ”หุ้น  JMT ราคาเป้าหมาย 18.00 บาท รับข่าวปรับเปลี่ยนนโยบายบัญชีเพื่อสะท้อนกำไรที่แท้จริงมากขึ้น โดยมีการเปลี่ยนแปลง ดังนี้ 1.จากเดิมที่รับรู้รายได้ตาม Projection ของลูกหนี้ที่ซื้อมา 5 ปี ขยายเป็น 10 ปี (เฉพาะหนี้ที่ซื้อมาหลังปี 2558) 2.เปลี่ยนจากเดิมการรับรู้รายได้โดยอิงกับ IRR ตั้งแต่ซื้อหนี้มาคงที่ไปตลาด 5 ปี เปลี่ยนเป็นรับรู้ตาม IRR ที่เกิดขึ้นจริง ช่วยให้หมดกังวลเรื่องการตั้งสำรอง

นอกจากนี้ บอร์ดมีมติไม่เพิ่มทุนใน JMT Plus ทำให้ลดการถือหุ้นจาก 99.99% ลงเหลือ 9.84% มองว่าเป็นเรื่องที่ดี คือ JMT ไม่ต้องรับรู้ขาดทุนจาก JMT Plus และหันกลับเน้นในธุรกิจที่บริษัทถนัด

ทั้งนี้ JMT ประกอบธุรกิจ รับจ้างติดตามหนี้,ซื้อหนี้มาบริหาร และสินเชื่อส่วนบุคคล (ภายใต้บริษัท JMT Plus) โดยสัดส่วนรายได้ 14% ,80% และ 6% ตามลำดับ ปัจจุบัน บริษัทเป็นอันดับ 1 ในด้านการซื้อหนี้มาบริหาร มีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 80-90% มี Port ลูกหนี้ที่ซื้อมา ณ.สิ้นไตรมาส 3/59 ทั้งสิ้น 95,231 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด  ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 20.60 บาท โดยมองประกาศกำไรไตรมาส 3/59 ฟื้นตัวอย่างชัดเจนมาที่ 51 ล้านบาท แม้ต่ำกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า แต่ยังเห็นการฟื้นตัวแรงถึง 46% จากไตรมาสก่อนและ 137% จากปีก่อน โดยทั้งรายได้รวมเพิ่มขึ้นจากทุกกลุ่มธุรกิจ ด้านค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นสูงกว่าที่คาดไว้ก่อนหน้า แต่แรงกดดันจากสำรองหนี้สูญอาจไม่สูงเท่ากับไตรมาสก่อน เนื่องจากเห็นสัญญาณการลดลงของ NPL ชัดเจน สำหรับมติผู้ถือหุ้นที่สละสิทธิการเพิ่มทุนใน JMT Plus นั้น ทำให้อาจเห็นการกลับสำรองหนี้สูญในไตรมาส 4/59 เหลือเพียงสัดส่วนที่บริษัทถือใน JMT Plus ซึ่งจะเป็นแรงหนุนกำไรให้โตโดดเด่น

นอกจากนี้ บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี จำกัด ระบุในบทวิเคราะห์แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 17.00 บาท โดยมองกำไรไตรมาส 3/59 พุ่งต่อเนื่องจากธุรกิจสินเชื่อโต และธุรกิจตามหนี้โดดเด่น

อีกทั้งในไตรมาส 4/59 JMT ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน J Fintech เหลือต่ำกว่า 10% จากเดิมที่ถือหุ้น 100% จากการสละสิทธิ์การเพิ่มทุนใน J Fintech ส่งผลให้ JMART กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ (>90%) โดยผลที่เกิดขึ้นอาจทำให้ JMT สามารถกลับรายการด้อยค่าเงินลงทุนใน J Fintech ราว 110 ล้านบาท จากส่วนทุนของ J Fintech ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลัง JMART เพิ่มทุนให้ 1,100 ล้านบาท

นอกจากนี้ ธุรกิจบริหารหนี้ยังเป็นดาวเด่นโดยมองว่าธุรกิจบริหารหนี้ของบริษัทเป็นธุรกิจที่มีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่องจากความเชี่ยวชาญด้านการติดตามทวงหนี้ที่บริษัทมีประสบการณ์มาอย่างยาวนาน ทั้งนี้บริษัทยังมีแผนซื้อหนี้เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง (59: 20,000 ล้านบาท, 60: 30,000 ล้านบาท) ส่งผลให้คาดว่าสิ้นปี 60 จะมีมูลหนี้ที่ซื้อมาทั้งสิ้นราว 140,000 ล้านบาท

 

ด้านราคาหุ้น JMT ปิดตลาดวานนี้ (22 พ.ย.) ราคาอยู่ที่ 17.00 บาท บวก 0.30 บาท หรือ 1.80% มูลค่าซื้อขาย 62.36 ล้านบา

Back to top button