เปิดโผ 10 อันดับหุ้นน่าสอยเข้าพอร์ตโชว์ P/BV ต่ำสุด-พื้นฐานอย่างแจ่ม!

เปิดโผ 10 อันดับหุ้นน่าสอยเข้าพอร์ต ชู P/BV ต่ำสุด-พื้นฐานอย่างแจ่ม! ROJNA,AH ,BBL ,PTTEP ,SIRI นำทัพ


เปิดโผ 10 อันดับหุ้นน่าสอยเข้าพอร์ต ชู P/BV ต่ำสุด-พื้นฐานอย่างแจ่ม! ROJNA,AH  ,BBL  ,PTTEP ,SIRI นำทัพ

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจค่า P/BV ของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยวันนี้จะนำเสนอบทวิเคราะห์ของ บริษัทหลักทรัพย์ไทยพาณิชย์ ที่ทำการจัดลำดับบจ.ที่ค่า P/BV ต่ำสุด 10 อันดับแรก โดยใช้ราคาปิดวันที่ 30 พ.ย.59 นำโดย  ROJNA,AH  ,BBL  ,PTTEP และ SIRI

 

อันดับที่ 1บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA โดยมีค่า P/BV อยู่ที่ 0.58 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.59)

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “Fully Valued” ROJNA ราคาเป้าหมาย 4.93 บาท/หุ้น หลังบริษัทอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนเพื่อบริหารการเงิน โดยจะใช้เงินสูงสุดไม่เกิน 100 ล้านบาท เพื่อซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 22 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 1 บาท คิดเป็น 1.09% ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัท ซึ่งจะเป็นการซื้อในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เริ่มตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย.59 ถึงวันที่ 19 พ.ค.60

โดยบริษัทจะจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งคณะกรรมการบริษัทจะพิจารณากำหนดวันจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนอีกครั้งภายในระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น แต่ไม่เกิน 3 ปี คำแนะนำการซื้อหุ้นคืน มีข้อดีคือ ระหว่างระยะเวลาการซื้อหุ้นคืน ราคาหุ้นจะมีเสถียรภาพมากขึ้น คือ หากราคาหุ้นปรับลง ทางบริษัทก็จะเข้าซื้อหุ้นตามนโยบายที่ออกมา คงคำแนะนำในเชิงลบเป็น Fully Valued ราคาพื้นฐาน 4.93 บาท เพราะปัจจัยพื้นฐานไม่สดใส ตามภาวะการขายพื้นที่นิคมฯที่ได้น้อยอันมีผลมาจากภาวะการลงทุนจากต่างประเทศมายังไทยชะลอลง คาดว่าปีนี้และปีหน้ามีขาดทุนสุทธิเป็น -344 และ -217 ล้านบาท ตามลำดับ

อีกทั้งการที่ TICON อาจจะมีผู้ถือหุ้นรายใหญ่รายใหม่คือ จากเฟรเซอร์สฯ ก็จะทำให้ ROJNA รับรู้กำไรจาก TICON ได้น้อยลง เพราะการถือหุ้นจะถูก dilution effect โดย อัตโนมัติจากเดิม 43.55% ลดลงเป็น 26% หลังจากที่ TICON เพิ่มทุนให้ผู้ถือหุ้นใหม่ในครั้งนี้ ดังนั้นจากเดิมที่ ROJNA นำ TICON มาจัดทำเป็นงบรวม ก็จะกลายเป็นเพียงรับรู้กำไรตามส่วนได้เสีย (equity method) สำหรับราคาพื้นฐานประเมินด้วย P/BV ปี 60 ที่ 0.95 เท่า

 

อันดับที่ 2 บริษัท อาปิโก ไฮเทค จำกัด (มหาชน) หรือ AH โดยมีค่า P/BV อยู่ที่ 0.68 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.59)

ด้าน บล.บัวหลวง แนะนำ “ซื้อ” AH ให้ราคาเป้าหมาย 15.50 บาท/หุ้น โดยคณะผู้บริหารของบริษัทมองว่ายอดขายปี 2560 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นเมื่อเทียบกับการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ มองว่า AH ยังสามารถรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นจากลูกค้ารายเดิมและลูกค้ารายใหม่ในปี 2560 อ้างอิงจากการเติบโตของยอดการผลิตยานยนต์โดยรวม 4-5% เป็น 2.0 ล้านคัน  ทั้งนี้ยังคงคำแนะนำที่ “ซื้อ” สำหรับ AH โดยคาดว่ามีอัพไซด์จากยอดขายปี 2560 ที่ 5 % จากคำสั่งซื้อของลูกค้ารายใหม่ที่เพิ่มขึ้น (เช่น Ford, Mitsubishi, Toyota และ Honda) ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นในปี 2560 ที่เพิ่มขึ้นกว่าที่คาดไว้เพียง  6% ถ้าหากการเติบโตของผลิตรถยนต์สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ และราคาหุ้นค่อนข้างถูก ด้วยค่า PBV ณ สิ้นปี 2560 อยู่ที่ 0.7 เท่า และเงินปันผลที่ดีที่ 5.5%

 

อันดับที่ 3 ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL โดยมีค่า P/BV อยู่ที่ 0.78 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.59)

ด้าน บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BBL เติบโตตามวัฎจักรการลงทุน โดยในปี 60 สินเชื่อคาด่าจะเติบโตได้จากการปล่อยสินเชื่อโครงการลงทุนโครงสร้างขั้นพื้นฐานตามแผนของรัฐบาลปี 58-65 ซึ่งการลงทุนเพิ่งจะเริ่มต้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมาและจะเดินหน้าไปอีกหลายปี เราคาดว่าปัจจัยนี้จะหนุนการขยายตัวของสินเชื่อ BBL เพราะธนาคารมีสัดส่วนลูกค้าภาคธุรกิจสูงถึง 72% (สินเชื่อรายใหญ่ 41% และสินเชื่อ SME 31%)

โดยธนาคารคาด NPL ratio สูงสุดในสิ้นปี 59 โดยในปีนี้ NPL ขยับขึ้นมาจากกลุ่มลูกค้ารายใหญ่และ SME ซึ่งเป็นปกติในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวและฟื้นช้า ธนาคารตั้งสำรองค่าเผื่อฯสูงรองรับการเพิ่มของ NPL และให้เพื่อให้มี Coverage ratio ในระดับสูง แม้ว่าจะลดลงบ้างก็ตาม

อย่างไรก็ตามได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 59/60 ลง 6.0% และ 5.8% ตามลำดับ สะท้อนสมมติฐานการตั้งสำรองค่าเผื่อฯที่เพิ่มขึ้น และค่าใช้จ่ายดำเนินงานสูงขึ้น โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อพัฒนาระบบไอที ซึ่งตามประมาณการใหม่ คาดว่ากำไรสุทธิ BBL จะเติบโต 6% ในปี 60 จาก -6.5% ในปี 59 แนะนำซื้อโดยให้ราคาพื้นฐาน 180 บาท อิงกับ Gordon growth model ซึ่งเทียบเท่ากับ P/BV ปี 60 ที่ 0.86 เท่า      

 

อันดับที่ 4 บริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP โดยมีค่า P/BV อยู่ที่ 0.81 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.59) ด้าน

ด้าน บล.เคทีบี (ประเทศไทย) แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 107 บาท/หุ้น โดยบริษัทจะได้ผลบวกผู้ผลิตน้ำมันลดปริมาณการผลิต ช่วยหนุนราคาน้ำมันฟื้นตัว ส่งผลบวกต่อราคาขายของ PTTEP โดยตรง

ขณะเดียวกันจะได้ผลบวกเพิ่มเติมหลัง ครม. เห็นชอบการคิดภาษีงบสกุลเงินต่างประเทศ ช่วยลดความผันผวนของกำไรจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงค่าเงิน ทั้งนี้มองแนวโน้มผลประกอบการสะดุดระยะสั้นจากการปรับราคาก๊าซ การอ่อนตัวค่าเงินบาท แต่ราคาน้ำมันที่เป็นขาขึ้นจะช่วยหนุนกำไรเติบโตได้ระยะยาว ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับราคาเหมาะสมเป็น 107 บาท

 

อันดับที่ 5 บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI โดยมีค่า P/BV อยู่ที่ 0.82 เท่า (ข้อมูล ณ วันที่ 30 พ.ย.59)

ด้าน บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลประกอบการของ SIRI ในช่วงไตรมาส 4/59 จะเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน เนื่องจากได้รับผลบวกจากรายได้โครงการที่อยู่อาศัยที่คาดว่าจะแตะ1 หมื่นล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 82% จากไตรมาสก่อน จากยอดขายรอรับรู้รายได้ที่มีอยู่

ขณะที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นของโครงการที่อยู่อาศัยจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น เนื่องจากการโอนย้ายโครงการคอนโดมิเนียมที่มีอัตรากำไรสูง คือโครงการ 98 Wireless ที่สร้างรายได้ถึง 11-16% ของรายได้โครงการที่อยู่อาศัยในไตรมาส 4/59

นอกจากนี้คาดว่า SIRI จะมีเงินปันผลอยู่ที่ 0.08 บาท จากช่วงการดำเนินงานในครึ่งหลังของปี 59 โดยคิดเป็นอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 4.8% ซึ่งจะขึ้นเครื่องหมาย XD ในเดือนมี.ค.60 และจ่ายปันผลในเดือนพ.ค.60

อย่างไรก็ตามได้ปรับประมาณการกำไรปี 60 ลง 6% เพื่อที่จะให้สะท้อนแนวโน้มรายได้จากโครงการที่อยู่อาศัยที่อ่อนตัวลง ซึ่งปรับลดจาก 3.5 หมื่นล้านบาท มาอยู่ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 2.00 บาท

 

อนึ่ง P/BV ย่อมาจาก Price/Book Value = Price/(Equity/Number of Share) โดย Book Value คิดมาจากส่วนของผู้ถือหุ้น (Equity) หารด้วยจำนวนหุ้น(Equity/Number of Shares)โดยทั่วไปแล้วค่า P/BV ยิ่งต่ำยิ่งดี ตัวเลขมาตรฐานที่มักจะใช้เป็นฐานก็คือ 1 เท่า หากสามารถซื้อหุ้นที่มีค่า P/BV น้อยกว่า 1 ได้ก็หมายความว่าเราสามารถซื้อหุ้นได้ในราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชีของบริษัท

 

*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้นเป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำหรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตามล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button