MC มาตรการรัฐหนุนกำไร Q4 พุ่งกระฉูดชูเงินปันผลสูง P/E ต่ำ-แถมอัพไซด์เพียบ

MC มาตรการรัฐหนุนกำไร Q4 กระฉูด แนะซื้อชูเงินปันผลสูง-พีอีต่ำ-อัพไซด์เพียบ


ช่วงนี้หุ้นหลายตัวรับประโยชน์ประเด็นครม.อนุมัติมาตรการเงินช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยรายละ 1,500-3,000 บาท พร้อมด้วยมาตรการลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดาสำหรับการท่องเที่ยวภายในประเทศช่วงวันที่ 1-31 ธ.ค. และมาตรการ”ช้อปช่วยชาติ”ระหว่างวันที่ 14-31 ธ.ค.เพื่อมาลดหย่อนภาษีบุคคลธรรมดา

แน่นอนตรงนี้ถือเป็นการช่วยสนับสนุนการขยายตัวเศรษฐกิจในช่วงท้ายปี และเป็นกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศให้คึกคักอย่างชัดเจนที่สำคัญช่วยหนุนให้หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการดังกล่าวน่าสนใจ โดยเฉพาะ บริษัท แม็คกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MC ที่ถือว่าได้ประโยชน์และน่าจับตารายหนึ่งก็ว่าได้

นอกจากนั้น ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทได้ปรับขายเสื้อโทนสีขาวดำและสีสุภาพมากขึ้น ประกอบกับได้ออกโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขายได้ดีขึ้นคาดว่าในไตรมาส 4/59 จะมียอดขายสูงสุดของปีนี้ ขณะที่ MC ยังเป็นหุ้น Defensive ที่ให้อัตราผลตอบแทนเงินปันผลอยู่ราว 5-6%

อีกทั้งแนวโน้มผลประกอบการในปี 60 เติบโตต่อเนื่องจากปี 59 หลังปรับกลยุทธ์หันมาเพิ่มสัดส่วนสินค้าเสื้อผ้าท่อนบน ช่วยเพิ่มยอดขาย และทำให้ได้รับผลกระทบจำกัดในช่วงที่กิจกรรมตลาดชะลอตัวเป็นเวลา 1 เดือน โดยการปรับกลยุทธ์ดังกล่าวทำให้อัตราส่วนการขายสินค้าเสื้อผ้าท่อนบน-ท่อนล่างขยับขึ้นจาก 1 ต่อ 1.5 เป็น 1 ต่อ 1

นอกจากปัจจัยพื้นฐานราคาหุ้นที่แข็งแกร่งในส่วนของราคาหุ้นก็น่าสนใจอย่างมาก โดยเห็นได้จากค่า P/E ที่ 15.48 เท่า (ณ วันที่ 16 ธ.ค.) ซึ่งเมื่อเทียบกับกลุ่มพาณิชย์ซึ่งอยู่ที่ระดับ 31.97 เท่า และเมื่อเทียบกับค่า P/E ตลาดซึ่งอยู่ที่18 เท่า (ณ วันที่ 16 ธ.ค.)หุ้นรายนี้ถือว่ายังถูก ขณะเดียวกันโบรกฯเกอร์ 5 แห่ง ประสานเสียงซื้อเนื่องจากหุ้นยังมีอัพไซด์สูง เวลานี้ MC จึงเป็นหุ้นที่น่าสนใจเข้าลงทุนอีกราย

 

บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้ม MC ในปี 60 ผลการดำเนินงานดีขึ้น จากการนำเสนอสินค้าเสื้อผ้าท่อนบนมากขึ้น ต่อเนื่องจากปีนี้ที่ปรับสัดส่วนสินค้าท่อนบนมากขึ้นและปรับสีเสื้อเป็นสีโทนขาวดำและสีสุภาพมากขึ้น ทำให้รับผลกระทบจำกัดจากแนวโน้มการบริโภคในประเทศจะหยุดชะงักไป 1 เดือนในช่วงไตรมาส 4/59

กรณีดังกล่าวทำให้อัตราส่วนการขายสินค้าเสื้อผ้าท่อนบนและท่อนล่างขยับขึ้นจาก 1 ต่อ 1.5 เป็น 1 ต่อ 1 รวมทั้งมีกิจกรรมส่งเสริมการขายเป็นรายสัปดาห์ช่วยเพิ่มยอดขายได้ดีขึ้น และในเดือน ธ.ค.นี้ก็น่าจะได้รับผลดีจากการที่รัฐบาลออกมาตรการช็อปช่วยชาติเพื่อให้นำไปลดหย่อนภาษีได้ ก็จะเป็นปัจจัยบวกเพิ่มเติม 

รวมทั้ง MC ยังจำหน่ายเสื้อผ้ากีฬา น้ำหอม เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนรายได้ให้เพิ่มขึ้น โดยคาดว่ารายได้ในปี 60 จะเติบโต 14% มาที่ 5,040 ล้านบาท และกำไรสุทธิจะมี 866.8 ล้านบาท เติบโต 13.4% จากปีนี้ ขณะที่มีมีอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) 53.8%  นอกจากนี้ราคาหุ้น MC ก็มี downside จำกัด เพราะมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงราว 5-6% ค้ำอยู่ จึงมองว่าเป็นหุ้น Defensive

 

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการช้อปช่วยชาติ ที่จะยิ่งช่วยเพิ่มแรงส่งให้กำไรไตรมาส 4/59 ดีสุดของปีนี้ เนื่องจากเป็น High Season โดยหุ้นได้ประโยชน์ช้อปช่วยชาติอาทิ BJC, CPN, GLOBAL, HMPRO, MC, SYNEX

 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา ยอดขายสาขาเดิม (same-store sale) ยังเติบโตต่อเนื่อง และในไตรมาส 4/59 ยังคงเห็นยอดขายเติบโตจากการทำโปรโมชั่นกระตุ้นยอดขาย 52 สัปดาห์ 52 โปรโมชั่น บวกกับเป็นช่วงไฮซีซั่น จึงคาดว่ากำไรในปีนี้จะเติบโต 9% มาที่ 797.6 ล้านบาท

แนวโน้มในปี 60 คาดว่ากำไรจะเติบโตต่อเนื่องมาที่ 875 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9.6% จากปีนี้ จากการที่จำหน่ายเสื้อผ้าท่อนบนมากขึ้นช่วยผลักดันยอดขาย ขณะเดียวกัน MC ยังศึกษาที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่ม CLMV  (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) เพิ่มเติมด้วย

 

บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ในไตรมาส 4/59 เข้าสู่ช่วงไฮซีซั่นของ MC ซึ่งน่าจะทำยอดขายได้ 33% ของทั้งปี ขณะที่ในระยะสั้นหลังวันที่ 13 ต.ค. MC พบว่ามีความต้องการสินค้ากลุ่มเสื้อดำและขาวสูงขึ้นถึง 10 เท่าจากช่วงเวลาปกติ ซึ่ง MC มีสินค้ากลุ่มนี้รองรับแล้วบ้างและผลิตเพิ่มได้รวดเร็วเพื่อรองรับความต้องการที่ทอดยาวไปอีก 1 ปี 

นอกจากนี้ MC ยังเปิดสาขาเชิงรุกอีก 30 สาขาในช่วงท้ายปี รวมถึงออกแบรนด์เสื้อผ้าใหม่ “UP” ซึ่งเป็นนวัตกรรมเสื้อผ้ากีฬารูปแบบใหม่ ปัจจัยเหล่านี้ทำให้ยังคงยืนยันเป้าหมายยอดขายเติบโต 15% ในปีนี้ หลังจากช่วง 9 เดือนแรกปีนี้ ยอดขายเติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จึงคาดกำไรในไตรมาส 4/59 เป็นจุดสูงสุดของปี หนุนให้ทั้งปี 59 มีกำไรโต 7% จากปีก่อน

ส่วนในปี 60 คาดว่ากำไรของ MC จะเติบโตดีขึ้นตามประสิทธิภาพการดำเนินงาน ประมาณการว่าอัตรากำไรสุทธิจะดีขึ้นเล็กน้อย ตามประสิทธิภาพการบริหารจัดการที่ดีขึ้นซึ่งช่วยให้ค่าใช้จ่ายดำเนินงานเพิ่มขึ้นไม่มาก ทดแทนอัตรากำไรขั้นต้นที่อาจลดลงเล็กน้อย ตามความจำเป็นของการทำโปรโมชั่นโดยเฉพาะการลดราคาเพื่อลดสต๊อกสินค้า นอกจากนี้ฐานะการเงินที่แข็งแกร่งมากจะหนุนให้จ่ายเงินปันผลดี

Back to top button