GFPT ติดปีกบินสูง P/E ต่ำ-อัพไซด์เสียดฟ้าพร้อมรับอานิสงส์แบนสัตว์ปีกญี่ปุ่น-อังกฤษ
GFPT ติดปีกบินสูง P/E ต่ำ-อัพไซด์เสียดฟ้า พร้อมรับอานิสงส์แบนสัตว์ปีกญี่ปุ่น-อังกฤษ
หลังจากศูนย์ความปลอดภัยด้านอาหาร (CFS) ได้ออกมาแบนการนำเข้าไก่จากประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ หลังจากที่พบไข้หวัดนกระบาดอย่างรุนแรง นั้น คาดว่าจะส่งผลดีให้กับผู้ประกอบการสัตว์ปีกในประเทศไทย เนื่องจากจะได้รับประโยชน์จากช่องทางระบายไก่สู่ต่างประเทศมากขึ้น โดยสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ญี่ปุ่นตรวจพบไข้หวัดนกสายพันธุ์ H5N6 ที่ฮอกไกโด และได้สั่งทำลายไก่ไปกว่า 2.1 แสนตัว ทั้งนี้คาดว่าจะเป็นปัจจัยบวกกับผู้ดำเนินธุรกิจการเกษตรธุรกิจชำแหละและแปรรูปผลิตภัณฑ์จากเนื้อไก่
โดย GFPT เป็นหนึ่งในผู้ประกอบการดังกล่าวที่น่าสนใจ เพราะนอกจากปัจจัยพื้นฐานราคาหุ้นที่แข็งแกร่งในส่วนของราคาหุ้นก็น่าสนใจอย่างมาก โดยเห็นได้จากค่า P/E ที่ 11.43 เท่า (ณ วันที่ 16 ธ.ค.) ซึ่งเมื่อเทียบกับเกษตรและอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งอยู่ที่ระดับ 27.10 เท่า และเมื่อเทียบกับค่า P/E ตลาดซึ่งอยู่ที่ 18.32 เท่า (ณ วันที่ 20 ธ.ค.) ยังถือว่าถูก ขณะเดียวกันโบรกเกอร์ต่างประสานเสียงซื้อ หลังจากมองว่าผลการดำเนินงานมีทิศทางที่ดี อีกทั้งยังมีอัพไซด์สูง
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส แนะนำ “ซื้อ” GFPT ราคาเป้าหมาย 17.40 บาท/หุ้น โดยคาดการณ์กำไรสุทธิไตรมาส 4/59 จะแข็งแกร่ง โดยกำไรสุทธิอ่อนลงไม่มากจากไตรมาส 3/59 ที่ 496 ล้านบาท ซึ่งเป็นช่วง High season ของธุรกิจบริษัท เนื่องจากการส่งออกอยู่ในระดับสูง และราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต่ำลงทำให้มาร์จิ้นอยู่ในเกณฑ์สูง คาดการณ์ว่าอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาสนี้จะอ่อนกว่าช่วงไตรมาส 3/59 ซึ่งอยู่ที่ 17% เพียงเล็กน้อย
ด้านยอดขายจะชะลอตัวลงเพราะผ่านช่วง Peak ไปแล้ว และในเดือนธ.ค.มีวันหยุดยาวในเทศกาลคริสต์มาส ทำให้การส่งออกจะน้อยลงไป ประมาณการกำไรสุทธิไตรมาส 4 ปีนี้ไว้ที่ 456 ล้านบาท เติบโต 3% แต่อ่อนลง 8%จากไตรมาสก่อน (ซึ่งดีกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ 20%)
สำหรับระยะยาวเติบโตได้ต่อเนื่อง บริษัทยังคงเดินหน้าขยายกำลังการผลิตในส่วนฟาร์มและโรงเชือดตามแผน เพื่อรองรับอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นทั้งในส่วนของ GFPT, McKey และ GFN โดยในส่วนของ McKey จะสร้างโรงงานใหม่เพิ่มอีก 1 แห่ง กำลังการผลิต 1,000 ตัน/เดือน (ปัจจุบันมีอยู่ 2,000-2,400 ตัน/เดือน) เริ่มก่อสร้างก.ย.59 คาดว่าจะแล้วเสร็จไตรมาส 4 /60 ส่วนของ GFN จะเพิ่มสายการผลิตปรุงสุกสายที่ 5 ทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่ม 400 ตัน/เดือน (จากปัจจุบันมีกำลังการผลิตปรุงสุก 1,600-1,800 ตัน/เดือน) คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ในกลางปี 60 ซึ่งเหล่านี้ทำให้ผลประกอบการปี 61 จะขยายตัวได้ดี ถ้าราคาวัตถุดิบอาหารสัตว์ไม่ปรับขึ้นแรงมาก และไม่ประสบปัญหาอุปทานล้นเกินอย่างมาก
ทั้งนี้แนะนำซื้อ เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 59-60 ขึ้น 5% และ 6% เป็น 1.61 พันล้านบาท (เติบโต 35% จากปีก่อน) และ 1.68 พันล้านบาท (เติบโต 5%จากปีก่อน) สะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มดีกว่าคาด ปรับราคาพื้นฐานปี 2560 ขึ้นเป็น 17.40 บาท โดยอิงกับ P/E ปี 60 ที่ 13 เท่า
ด้าน บล.ฟิลลิป แนะนำ “ทยอยซื้อ” GFPT ราคาเป้าหมาย 15 บาท/หุ้น แนวโน้มการดำเนินงานไตรมาส 4/59 คาดว่าคงจะอ่อนลงตามปกติของกลุ่มส่งออก แต่จากการดำเนินงานที่ดีกว่าคาดทำให้ทางฝ่ายปรับประมาณการขึ้นจากเดิมเล็กน้อย โดยประมาณการยอดขาย 16,392 ล้านบาททรงตัวจากปีก่อนและ margin ดีขึ้นจากราคาวัตถุดิบลดลง แต่หากว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเพิ่มขึ้นจากการส่งออกมากขึ้น รวมถึงอัตราภาษีจ่ายเพิ่มขึ้น แต่การรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนจะเพิ่มขึ้น ประมาณการกำไรสุทธิ 1,496 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 25%จากปีก่อน
สำหรับแนวโน้มการดำเนินงานปี 2560 ผู้บริหารคาดว่าตลาดส่งออกยังมีการเติบโตได้ 5-10%จากปีก่อนจากตลาดใหม่ที่ได้เริ่มส่งออกมากขึ้นในปีที่ผ่านมา ขณะที่ตลาดส่งออกหลักอย่างญี่ปุ่นคาดจะทรงตัว ส่วนยุโรปคาดจะเติบโตได้เล็กน้อย ส่วนอาหารสัตว์คาดยังไม่น่าดีขึ้นจากการแข่งขันที่มากขึ้น ส่วนราคาไก่คาดจะลดลงตามราคาวัตถุดิบที่ลดลง ทางฝ่ายคาดหมายยอดขาย 16,949 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 3%จากปีก่อน margin ลดลงเล็กน้อย ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนคาดจะเพิ่มเป็น 392 ล้านบาทจากการเพิ่มขึ้นทั้งแมคคีย์และ GFN แต่หากว่าอัตราภาษีจ่ายจะเพิ่มขึ้นจากปีก่อน ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้กำไรลดลง 4%จากปีก่อนอยู่ที่ 1,441 ล้านบาท
ขณะที่ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า ทางเกาหลีใต้พบเชื้อไข้หวัดนก H5N6 ในฟาร์ม 2 แห่ง ช่วยกระตุ้นให้นำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยเร็วขึ้น เป็นบวกกับ บมจ.จีเอฟพีที (GFPT), บมจ.เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF), บมจ.ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป (TFG)