AMA พร้อมลุยเทรด ลุ้นแตะเป้า 15.20 บ.มั่นใจพื้นฐานแกร่ง! ชูความพร้อมทุกด้าน
AMA พร้อมประเดิมเทรด ลุ้นวิ่งแตะ 15.20 บาท จากราคา IPO ที่ 9.99 บาท ชูธุรกิจอนาคตไกล สุดยอดผู้นำธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์ม อันดับ 1 ประเทศไทย-อันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
AMA พร้อมประเดิมเทรด ลุ้นวิ่งแตะ 15.20 บาท จากราคา IPO ที่ 9.99 บาท ชูธุรกิจอนาคตไกล สุดยอดผู้นำธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์ม อันดับ 1 ประเทศไทย-อันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายพิศาล รัชกิจประการ กรรมการผู้จัดการ บริษัทอาม่า มารีน จำกัด (มหาชน) หรือ AMA เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมแผนใช้เงินที่ได้จากระดมทุนด้วยการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) มูลค่า 1,070 ล้านบาท โดยจะใช้งบลงทุนราว 250 ล้านบาทซื้อเรือ 2 ลำในช่วงไตรมาส 1/60 และใช้เงินอีก 50 ล้านบาท ซื้อรถขนส่ง 100 คัน ในระยะเวลา 2 ปี (60-61) จะส่งผลให้บริษัทมีเงินเหลืออยู่อีกราว 700 ล้านบาทที่จะพิจารณาการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจด้านโลจิสติกส์
ทั้งนี้ หลังจากที่บริษัทสามารถเข้าจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอไอ (mai) ได้แล้ว เชื่อว่าจะเป็นผลดีต่อความเชื่อถือของผู้ใช้บริการการขนส่ง ซึ่งบริษัทมีสัญญาแบบเที่ยวต่อเที่ยวที่สามารถปรับเปลี่ยนราคาการให้บริการได้ทันทีตามการปรับตัวขึ้นหรือลงของราคาน้ำมัน ส่งผลให้บริษัทสามารถรักษาอัตรากำไรสุทธิไว้ที่ 15-19% และอัตรากำไรขั้นต้นไม่ต่ำกว่า 30% ได้เป็นระยะเวลามานานกว่า 10 ปี
“หลังจากที่เราจะทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai แล้ว ภาพลักษณ์ ความหน้าเชื่อถือต่างๆ ก็ปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย และเราก็ได้เตรียมตัวที่จะขยายกองเรือ กองรถขนส่งเพิ่มขึ้น จึงค่อนข้างมั่นใจว่าจะมีผู้ใช้บริการเยอะเหมือนเดิม เพราะเราได้มีการเจรจากับลูกค้าหลายๆ รายรองรับไว้แล้ว และด้วยความเชื่อถือในความปลอดภัยของการขนส่งสินค้า ส่งผลให้ที่ผ่านมาอัตราการเช่าเรือสูงถึง 95% ซึ่งการให้บริการเป็นการทำสัญญาเที่ยวต่อเที่ยว ไม่ใช่เป็นการทำสัญญาระยะยาว ที่หลายคนมองว่าเป็นความเสี่ยง แต่เรามองว่าเป็นปัจจัยบวกที่ช่วยให้สามารถบริหารจัดการเรื่องค่าบริการได้ทันตามราคาต้นทุนน้ำมัน”นายพิศาลกล่าว
ขณะที่ นางศรัณยา กระแสเศียร กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินของAMA เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจ และมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในวันนี้ ทั้งนี้ AMA ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน หรือโรดโชว์จำนวน 4 จังหวัด ที่มีนักลงทุนสนใจฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก รวมถึงหลังจากการเปิดจองซื้อหุ้น IPO เมื่อวันที่ 8-9 และ 13-14 ธ.ค.59 นักลงทุนทั่วประเทศก็ได้ให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ด้วยความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจที่แข็งแกร่ง และมีแผนในการขยายธุรกิจที่ชัดเจน
สำหรับตัวเลขของการเติบโตของผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับที่สูง รวมถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมขนส่งสินค้าเหลวทั้งทางรถ และทางเรือ ทั้งในประเทศ และต่างประเทศมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ตามความต้องการขนส่งน้ำมันภายในประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงความต้องการบริโภคน้ำมันปาล์มทั้งในอินเดีย จีน เมียนมาร์ และเวียดนามที่เพิ่มสูงขึ้น
“หลังจากกระบวนการต่างๆ ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ AMA จะเป็นหุ้น IPO อีกตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจ จากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และมีจุดเด่นที่โอกาสในการขยายตัวในอนาคตที่สูงตามแผนการขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมี รวมถึงขยายกองรถบรรทุกน้ำมัน เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทั้งในประเทศ และระหว่างประเทศ ซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ AMA มีความโดดเด่นและมีแนวโน้มในการเติบโตในอนาคต”นางศรัณยากล่าว
ส่วน นางสาวพัชพร สรรคบุรานุรักษ์ กรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ บริษัทหลักทรัพย์เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจำหน่ายหลักทรัพย์ AMA เปิดเผยว่า ในฐานะผู้จัดการการจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายมีความเชื่อมั่นว่า AMA จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ เป็นวันแรก AMA จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 9.99 บาทได้ เพราะจากการเสนอขายหุ้นร่วมกับผู้ร่วมจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายทั้ง 5 ราย สามารถกระจายหุ้นไปยังนักลงทุนทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ มากกว่า 4,300 ราย
โดย AMA จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ วันที่เริ่มทำการซื้อขาย 22 ธ.ค. 59 จำนวนหุ้นจดทะเบียน 431,600,000 หุ้น จำนวนหุ้นชำระแล้ว 431,600,000 หุ้น ราคา Par 0.50 บาท/หุ้น ทุนชำระแล้ว 215,800,000.00 บาท จำนวนหุ้น IPO จำนวน 108,000,000 หุ้น ราคา IPO ที่ 9.99 บาท
ทั้งนี้ บริษัทให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือระหว่างประเทศ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์น้ำมันปาล์มและน้ำมันพืชชนิดต่างๆ ไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และภูมิภาคเอเชียตะวันออก นอกจากนี้บริษัทย่อยให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางรถในประเทศ ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิงและไบโอดีเซล B100
สำหรับผลประกอบการของบริษัทปี 58 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 130.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 85.40 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 43.68 ล้านบาท หรือลดลง 9% จากงวดเดียวกันของปีมีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 48.25 ล้านบาท ด้าน 9 เดือนแรกของปี 59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 100.52 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 8% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 92.84 ล้านบาท
ด้าน บล. ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ โดยประเมินมูลค่าที่เหมาะสมของ AMA ด้วยวิธี PER Multiple โดยอ้างอิงจากค่าเฉลี่ย PER ของบริษัทที่ดำเนินธุรกิจขนส่งใกล้เคียงกับบริษัทที่ PER 24X ดังนั้น มูลค่าที่เหมาะสมของ AMA สำหรับปี 60 อยู่ที่ 15.20 บาท ซึ่งคิดเป็น PEG เพียง 0.8 เท่า จากมีอัตราการเติบโตผลประกอบการ 2y-CAGR (ปี 60-62) ที่ 30% ปัจจัยเสี่ยงมาจากความผันผวนของน้ำมันเชื้อเพลิง ,การพึ่งพาลูกค้ารายใหญ่ทั้งธุรกิจขนส่งทางเรือและทางรถ และความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน
โดยคาดกำไรสุทธิปี 59 อยู่ที่ 165 ล้านบาท และในปี 60 อยู่ที่ 273 ล้านบาท จากรายได้ที่คาดจะเติบโตตามการขยายกองเรือบรรทุก ส่งผลให้ระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นเท่าตัว รวมทั้งขยายเส้นทางไปยังเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ และการขนส่งทางรถยังคงเติบโตตามลูกค้าซึ่งเป็นผู้จำหน่ายน้ำมันปลีก ซึ่งมีการเติบโตของยอดจำหน่ายน้ำมันเฉลี่ย 24% ต่อปี และบริษัทขยายกองรถบรรทุก และยังคาดว่าบริษัทจะยังคงสามารถรักษาระดับอัตรากำไรขั้นต้นและกำไรสุทธิไว้ในระดับสูงที่ 30% และ 17% ได้ จากการบริหารจัดการต้นทุนที่ดีรวมทั้งการบริหารเที่ยวการเดินเรือและรถที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
อนึ่ง AMA ดำเนินธุรกิจให้บริการขนส่งสินค้าเหลวทางเรือและทางรถ โดยเป็นผู้นำในธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเป็นอันดับ 2 ในการให้บริการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และอันดับ 1 ในประเทศไทย และยังอยู่ในธุรกิจที่ Niche Market มีคู่แข่งน้อย มีความชำนาญในการเดินเรือ ส่งผลให้ AMA เป็นผู้นำในธุรกิจ รวมทั้ง ให้บริการกับลูกค้าที่ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายน้ำมันปาล์มที่ใหญ่สุดในโลก
นอกจากนี้บริษัทยังมีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจขนส่งกว่า 20 ปี รวมทั้งมีพันธมิตรทางธุรกิจที่แข็งแกร่ง และบริษัทมีความสามารถบริหารต้นทุนที่ดี ทั้งความสามารถในการบริหารขนส่งแบบ Backhaul ส่งผลให้มีอัตรากำไรที่สูง เรามองว่าธุรกิจของ AMA มีความน่าสนใจและน่าซื้อขายในระดับที่พรีเมี่ยมเมื่อเทียบกับคู่เทียบ เนื่องจากการเติบโตของผลประกอบการที่สูงเฉลี่ย 30% ต่อปีในอีก 2 ปีข้างหน้า รวมทั้งอัตรากำไรของบริษัทที่อยู่ในระดับสูงเฉลี่ย 17% เมื่อเทียบกับธุรกิจเรือส่วนใหญ่ที่มีการขาดทุนและอัตรากำไรที่ต่ำ
ทั้งนี้ บริษัทมีแผนเพิ่มการเติบโตทั้งในแง่ของรายได้และอัตรากำไร และมีแผนขยายฐานลูกค้าทั้งในและต่างประเทศดังนี้
1) ธุรกิจขนส่งทางเรือบริษัทจะขยายกองเรือบรรทุกน้ำมันและสารเคมีเป็น 8 ลำในปี 59และ 10 ลำในปี 60 ซึ่งจะส่งผลให้กำลังระวางบรรทุกเพิ่มขึ้นเท่าตัวจาก 45,641 เมตริกตันในปี 59เป็น 66,771 เมตริกตันในปี 60เป็นการขยายกองเรือเพื่อรองรับความต้องการขนส่งของลูกค้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายน้ำมันปาล์มรายใหญ่ รวมทั้งรองรับการขยายเส้นทางไปยังเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้
2) ธุรกิจขนส่งทางรถที่จากปัจจุบันบริษัทขนส่งสินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิงและไบโอดีเซล 100 ซึ่งยังมีความต้องการในการขนส่งเพิ่มอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกค้ารายใหญ่ซึ่งเป็นผู้จัดจำหน่ายน้ำมันค้าปลีก โดยบริษัทมีการขยายกองรถบรรทุกเพื่อรองรับความต้องการดังกล่าว จาก 43 คันในปี 58 มาเป็น 100 คันและ 150 คันในปี 59-60 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่าราคาหุ้น AMA เข้าซื้อขายในวันแรก (22 ธ.ค.) มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นถึง 15.20 บาท จากราคา IPO ที่ 9.90 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 27.14 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.56 บาท โดยมองว่าบริษัทเป็นผู้นำธุรกิจเรือขนส่งน้ำมันปาล์มในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และเป็นอันดับ 1 ของประเทศไทย ขณะที่มองว่าธุรกิจในอนาคตค่อนข้างเติบโต จากการขยายเส้นทางเดินเรือ รวมทั้งการเพิ่มเรือและรถบรรทุกเพื่อรองรับความต้องการขนส่งของลูกค้า