KSL กำไรปีนี้โตแจ่ม ธุรกิจปีหน้ายังหอมหวานโบรกฯ ชู top pick กลุ่มน้ำตาล อัพเป้าสูงปรี๊ด!

KSL ธุรกิจปีหน้ายังหอมหวาน! โบรกฯ ชู top pick กลุ่มน้ำตาล


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัท น้ำตาลขอนแก่น จำกัด (มหาชน) หรือ KSL หลังจากที่บริษัทประกาศกำไรปี 59 เติบโตถึง 66% ซึ่งถือว่าเป็นการเติบโตที่โดดเด่น ฟากนักวิเคราะห์หลายสถาบันต่างปรับราคาเป้าหมายขึ้น หลังมองเห็นว่าธุรกิจยังเติบโตไปได้สวย คาดกำไรปี 60 โดดเด่น ด้านราคาน้ำตาลปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ KSL ได้รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 1.43 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.323 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 861.68 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.215 บาทต่อหุ้น

โดยผลการดำเนินงานในไตรมาสดังกล่าวที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากราคาน้ำตาลตลาดโลกปรับตัวสูงขึ้น หลังจากที่ราคาน้ำมันตลาดโลกลดลงไปที่จุดต่ำสุดในครึ่งปีหลังของปี 58 ทำให้ราคาขายเฉลี่ยของบริษัทในปี 59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น

 

ด้าน บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) แนะนำ “Outperform” ราคาเป้าหมาย 5.40 บาท/หุ้น หลังมองว่า KSL มีผลขาดทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 อยู่ที่ 93 ล้านบาท ดีขึ้นจากที่ขาดทุน109 ล้านบาทในไตรมส 4/58 แต่แย่ลงจากที่มีกำไร 87 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 โดยผลประกอบการออกมาแย่กว่าที่คาดไว้ว่าจะมีกำไร 113 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากรวมกำไรพิเศษ 904 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการปรับมูลค่าเหมาะสมของการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ 911 ล้านบาท กำไรสุทธิในไตรมาส 4/59 จะพลิกจากขาดทุนสุทธิ 226  ล้านบาท ในไตรมาส 4/58 เป็น 811 ล้านบาทและเพิ่มขึ้นถึง 837.1% จากไตรมาสก่อนในภาพรวม กำไรจากการดำเนินงานของKSL ในปี 2559 อยู่ที่518 ล้านบาทลดลง 46.7%จากปีก่อน จากภาวะภัยแล้งในประเทศไทยซึ่งทำให้ปริมาณยอดขายของทุกกลุ่มธุรกิจลดลง ขณะที่คาดว่ากำไรจากการดำเนินงานในปี 2560 จะเพิ่มขึ้น173% จากปีก่อนเป็น1.4 พันล้านบาทเนื่องจากราคาน้ำตาลที่ขยับสูงขึ้น ขณะที่โรงไฟฟ้ากลับมาดำเนินงานตามปกติหลังภัยแล้งคลี่คลาย และ ปริมาณยอดขายเอธานอลที่เพิ่มขึ้น

ยังคงแนะนำให้ซื้อ KSL และให้ราคาเป้าหมายที่ 5.40 บาท อิงจาก PER ปี 2560 ที่ 17.0x ซึ่งใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ย 5 ปีย้อนหลังของ KSL ที่ 16.4x และกลุ่มอาหารที่ไม่รวม Charoen Pokphand Foods (CPF.BK/CPF TB)* และMinor International (MINT.BK/MINT TB)* ที่ 17.6x

 

ขณะเดียวกัน บล.เอเซีย พลัส แนะนำ “ซื้อ” KSL ให้ราคาเป้าหมาย 6 บาท/หุ้น หลังมองกำไรสุทธิงวดไตรมาส 4/58-59 เท่ากับ 811 ล้านบาท สูงกว่าคาด เพิ่มขึ้นถึง 831.5% จากไตรมากส่อน (และพลิกจากที่ขาดทุนสุทธิ 226 ล้านบาท ในงวดไตรมาส 4/57-58) จากการบันทึกรายได้พิเศษที่เป็นกำไรจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์เพื่อการลงทุน (ที่ดิน) สุทธิจากภาษีเท่ากับ 911 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาธุรกิจหลัก พบว่ามีขาดทุนจากการดำเนินงานถึง 43 ล้านบาท  แย่กว่าที่ประเมินไว้ เนื่องจากธุรกิจไฟฟ้ามีการหยุดซ่อมบำรุง (อ.น้ำพอง ขอนแก่น) ขณะที่ธุรกิจน้ำตาลอ่อนตัวลงจากสัดส่วนการขายน้ำตาลดิบมากขึ้น (ราคาขายต่ำกว่าราคาน้ำตาลทรายขาวบริสุทธิ์) แม้ธุรกิจเอทานอลจะฟื้นตัวจากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น 10.4% จากไตรมาสก่อน แต่ราคาขายปรับเพิ่มขึ้นในอัตราที่ต่ำกว่าจึงช่วยหักล้างปัจจัยกดดันจากธุรกิจไฟฟ้าและน้ำตาลไม่ได้ทำให้เกิดผลขาดทุนในงวดนี้

ทั้งนี้แม้คาดกำไรสุทธิปี 2559/60 หดตัวถึง 32.0% จากปีก่อน เนื่องจากไม่ได้รวมรายได้พิเศษในประมาณการ แต่คาดกำไรจากการดำเนินงานปี 2559/60 จะพลิกกลับมาเติบโตโดดเด่นถึง 55.6% จากปีก่อน จากแนวโน้มราคาขายน้ำตาลดิบเฉลี่ยปี 2559/60 เพิ่มขึ้นเป็น 21.0 เซ็นต์/ปอนด์

สำหรับคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2560/61 จะเติบโตต่อเนื่องอีก 15.1% จากปีก่อน หนุนด้วยปริมาณขายน้ำตาลเพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อนเป็น 8.0 แสนตัน ปริมาณขายเอทานอลเพิ่มขึ้น 6.7% จากปีก่อน เป็น 80 ล้านลิตร จากปัญหาภัยแล้งคลี่คลายลง

ส่วนแนวโน้มกำไรจากการดำเนินงานงวดไตรมาส 1/59-60 จะกลับมาแสดงกำไร 102 ล้านบาท พลิกจากขาดทุนในงวดไตรมาส 4/58-59 (แต่จะลดลงถึง 70.8% จากปีก่อน) เนื่องจากโรงไฟฟ้า อ.น้ำพอง ขอนแก่น กลับมาดำเนินการผลิตเต็มที่อีกครั้ง อีกทั้งคาดราคาขายเอทานอลทยอยฟื้นตัวตามราคาน้ำมันในตลาดโลก

ทั้งนี้แนะนำซื้อ และเลือกเป็น top pick กลุ่มน้ำตาล กำหนด Fair value ปี 2560 เท่ากับ 6 บาท อิงวิธี SOTP ได้มูลค่าธุรกิจเอทานอลและไฟฟ้าที่ 2.30 บาท อิงวิธี DCF (WACC 8.0%) และมูลค่าธุรกิจน้ำตาลเท่ากับ 3.70 บาท วิธี GGM อิง PBV 1.78 เท่า และ LT ROE 11.6%

 

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ แนะ “ซื้อ KSL  เมื่ออ่อนตัว” หลังมีกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 (ส.ค.-ต.ค.) 811 ล้านบาท สูงสุดในรอบ 17 ไตรมาส แต่มาจากกำไรพิเศษจำนวนมาก หากดูเฉพาะผลการดำเนินงานปกติ มีผลขาดทุน 20 ล้านบาท (แย่กว่าคาด) จากธุรกิจน้ำตาลและไฟฟ้าที่ลดลงตามฤดูกาล ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2559 (สิ้นสุด ต.ค.) ลดลง 45% จากปีก่อน

ทั้งนี้ มองว่า KSL ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ผลประกอบการจะ turnaround ในปีหน้า คาดกำไรเพิ่มขึ้น 126% จากปีก่อนจากราคาน้ำตาลที่ปรับสูงขึ้น ธุรกิจไฟฟ้าและเอธานอลที่ฟื้นตัว นอกจากนี้ KSL อยู่ระหว่างนำบริษัทย่อย ขอนแก่นแอลกอฮอล์ เข้าจดทะเบียนในตลาดฯ ในช่วงครึ่งปีหลังปี 60 โดยยังคงราคาพื้นฐาน 4.80 บาท

Back to top button