ดีต่อใจ! 25 หุ้นสุดเก๋า กวาดรีเทิร์นเกิน 100%

ดีต่อใจ! 25 หุ้นสุดเก๋า กวาดรีเทิร์นเกิน 100%


“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ใน SET ปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 ธ.ค. 59 โดยพบว่ามีบจ.ทั้งหมด 25 ตัวที่ราคาปรับตัวขึ้นเกิน 100% นำโดย PERM , TFG , MALEE , BIG , TKN

ทั้งนี้จะเห็นว่าบจ.เหล่านี้ให้ผลตอบแทนสูงชนะตลาด โดยดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปี 2559 มาอยู่ที่ระดับ 1,542.94 จุด (30 ธ.ค.59) บวก 254.92 จุด หรือเพิ่มขึ้น 19.79% จากดัชนีที่ระดับ 1,288.02 จุด (30 ธ.ค.58)

อันดับ 1 บริษัท เพิ่มสินสตีลเวิคส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PERM ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 362.96% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.08 บาท บวก 3.92 บาท มาอยู่ที่ 5 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องหลังจากที่ผลการดำเนินงานงวดล่าสุด ไตรมาส 3/59 พลิกมีกำไร 148.51 บาท จากปีก่อนขาดทุน 49.64 ล้านบาท

 

อันดับ 2 บริษัท ไทยฟู้ดส์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ TFG ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 357.79% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.54 บาท บวก 5.51 บาท มาอยู่ที่ 7.05 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงอย่างต่อเนื่องรับปัจจัยบวกทางการเกาหลีใต้พบเชื้อไข้หวัดนก H5N6 ในฟาร์ม 2 แห่ง ช่วยกระตุ้นให้นำเข้าไก่สดแช่แข็งจากไทยเร็วขึ้น

 

อันดับ 3 บริษัท มาลีกรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ MALEE ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 303.51% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 28.50 บาท บวก 86.50 บาท มาอยู่ที่ 115 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง รับปัจจัยบวกจากปัจจุบันกระแสความใส่ใจดื่มเพื่อสุขภาพเพิ่มสูงขึ้น ด้าน บล.ทิสโก้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 140 บาท/หุ้น มองว่ามีโอกาสยอดขายส่งออก เติบโตต่อเนื่องอย่างชัดเจนต่อเนื่องจากลูกค้ารับจ้างผลิตในกลุ่มยุโรปและอเมริกาและจากแบรนด์ MALEE จากการขยายตลาดในแถบเอเชียทั้งจีน ฟิลิปปินส์ และกัมพูชาเพิ่มขึ้น

ขณะที่บริษัทมีการต่อยอดธุรกิจร่วมกับ MEGA พัฒนาอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ 3) เตรียมหาพันธมิตรเพิ่มขึ้นในปีหน้าคาดจากต่างประเทศที่กำลังสนใจลงทุนในอินโดนีเซียและเวียดนาม ขณะที่มีการคาดการณ์ว่ากำไรสุทธิยังเติบโตต่อเนื่องปี 59 ที่ 66% และ 2 ปีข้างหน้าเฉลี่ยปีละ 18%  

         

อันดับ 4 บริษัท บิ๊ก คาเมร่า คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BIG ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 241.94% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 1.55 บาท บวก 3.75 บาท มาอยู่ที่ 5.30 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องรับผลบวกมาตรการช็อปปิ้งช่วยชาติ ขณะที่ตอบรับอุปสงค์ในกล้องถ่ายรูปที่เพิ่มสูงขึ้น

ด้าน บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” BIG ให้ราคาเป้าหมาย 6.40 บาท/หุ้น โดยคาดว่า BIG จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2559 ที่ 245 ลบ. โต 23% จากปีก่อน และ 94.5% จากไตรมาสก่อน โดยมีแรงหนุนจากอุปสงค์ที่เลื่อนจากไตรมาส 3/2559 มาในไตรมาส 4/2559 จากความล่าช้าของการเปิดตัวสินค้าใหม่

ขณะเดียวกันคาดว่าบริษัทจะรายงานรายผลกำไรสุทธิปี 2559 ที่ 790 ล้านบาท เติบโต 71.9% โดยคาดรายได้ในไตรมาส 4/2559 ที่ 1.6 พันลบ โต 10.5% จากปีก่อน และ 46.2% จากไตรมาสก่อน ถึงแม้ว่าคาดยอดขายจะหดตัวลงในเดือน ต.ค.59 คาดว่าสินค้าใหม่ที่ออกมาในเดือน พ.ย. รวมถึงงาน Photo fair และมาตรการลดหย่อนภาษีของภาครัฐจะสามารถสร้างผลกระทบเชิงบวกให้กับบริษัทได้มากกว่า โดยมองว่าจากราคาหุ้นที่ปรับตัวลงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเป็นโอกาสดีในการเข้าซื้อ เนื่องจากเราคาดว่า BIG จะรายงานผลกำไรในไตรมาส 4/2559 ที่สูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ 

 

อันดับ 5 บริษัท เถ้าแก่น้อย ฟู๊ดแอนด์มาร์เก็ตติ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ TKN ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 227.49% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 8.55 บาท บวก 19.45 บาท มาอยู่ที่ 28 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59

โดยราคาหุ้นปรับตัวขึ้นต่อเนื่องหลังจากรายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิ 202.12 ล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 0.15 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 70.48% ขณะที่มีการคาดการณ์กันว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 จะเติบโตอย่างโดดเด่น

ด้าน บล.กรุงศรี แนะซื้อเก็งกำไรระยะสั้น สำหรับ TKN ให้ราคาเป้าหมายที่ 31 บาท โดยคาดว่ากำไรสุทธิไตรมาส 4/59 จะเติบโตโดดเด่นเนื่องจากเป็นไฮซีซั่นของธุรกิจ ขณะที่ผลการดำเนินงานปีหน้าโตต่อเนื่องจากการเปิดโรงงานใหม่เฟสแรกในเดือนก.พ. ซึ่งจะเพิ่มกำลังการผลิตใหม่ 30% และยังได้ปัจจัยบวกจากการที่หุ้นถูกเข้าคำนวณในดัชนี SET100 รอบใหม่มีผล 4 ม.ค.60

           

ทั้งนี้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงดังกล่าว ส่วนใหญ่จะได้ปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจที่เอื้อให้ผลการดำเนินงานโดดเด่น ส่งผลให้นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นหลังมองเห็นถึงพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และศักยภาพการวางแผนธุรกิจของผู้บริหาร อย่างไรก็ตามราคาหุ้นที่เพิ่มขึ้นอาจอยู่ในภาวะแรงซื้อมากเกินไป นักลงทุนก็ต้องระวังการเข้าลงทุนไว้ด้วย ขณะที่ต้องดูค่า P/E เพื่อประกอบการตัดสินใจว่าหุ้นตัวนั้นถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button