ทำใจ! เปิด 5 หุ้นอาการโคม่าประจำปี 59
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 ธ.ค.59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกือบ 50% เท่านั้น โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 5 ตัว
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจราคาหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ในตลาดหลักทรัพย์ SET ปี 2559 โดยเทียบราคาปิด ณ วันที่ 30 ธ.ค.58-30 ธ.ค.59 โดยการสำรวจครั้งนี้จะขอนำเสนอหุ้นที่ราคาปรับตัวลดลงเกือบ 50% เท่านั้น โดยหุ้นที่เข้าเกณฑ์ดังกล่าวมีทั้งหมด 5 ตัว คิือ SOLAR, TASCO, KC, RICH และ BEC
ทั้งนี้หากติดตามการเสนอข้อมูลหุ้นที่ปรับตัวลงแรงตลอด 1 ปี ที่ผ่านมาจะพบว่าหุ้นดังกล่าวจะเข้ามาติดอันดับอยู่เสมอ นั้นเป็นเพราะว่าราคาหุ้นไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ เนื่องจากผลประกอบการของหุ้นยังไม่สดใส ประกอบกับหุ้นไม่มีปัจจัยบวกที่น่าสนใจให้นักลงทุนเข้ามาเก็บหุ้นเป็นผลให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องนั่นเอง
หลักทรัพย์ | 30-ธ.ค.-58 | 30-ธ.ค.-59 | เปลี่ยนแปลง | |
บาท | % | |||
SOLAR | 9.90 | 4.34 | -5.56 | -56.16 |
TASCO | 40.50 | 19.00 | -21.50 | -53.09 |
KC | 2.12 | 1.00 | -1.12 | -52.83 |
RICH | 0.59 | 0.28 | -0.31 | -52.54 |
BEC | 30.50 | 16.60 | -13.90 | -45.57 |
อันดับ 1 บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) หรือ SOLAR ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวลดลง 56.16% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 9.90 บาท ลบ 5.56 บาท มาอยู่ที่ 4.34 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวลงแรงมีปัจจัยกระทบหลายด้าน ทั้งในเรื่องผลการดำเนินที่ไม่สดใส นับตั้งแต่ต้นปี 59 บริษัทขาดทุนไตรมาส 1/59 และมีการแก้ไขงบจากขาดทุนหลักล้านเป็นขาดทุนหลักแสน ขณะเดียวกันผู้ถือหุ้นใหญ่เทขายหุ้นออกมา ส่งผลให้นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นและเทขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่องในช่วงดังกล่าว
ต่อมาบริษัทรายงานงบไตรมาส 2/59 มีกำไรสุทธิ 13.56 ล้านบาท เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 36.32 ล้านบาท พร้อมด้วยปัจจัยบวกทยอยเข้ามา อาทิ SOLAR ผนึก ม.ธรรมศาสตร์ ตั้งโซลาร์รูฟใหญ่สุดในเอเชียสนองนโยบายภาครัฐ แต่ราคาหุ้นก็ไม่ฟื้นชัดเจน เพราะผลงานไตรมาส 3/59 มีผลขาดทุนสุทธิ 10.04 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2.44 ล้านบาท ทำให้ราคาหุ้นอ่อนตัวเช่นเคย
อย่างไรก็ตามบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 60 จะสูงกว่าราว 1.5 พันล้านบาทในปีนี้ หลังจะรับรู้รายได้จากโครงการโซลาร์มฟาร์มสหกรณ์รวม 9 เมกะวัตต์ (MW) และจ่ายไฟฟ้าภายในสิ้นปีนี้ รวมถึงมีรายได้จากธุรกิจจัดการพลังงาน (ESCO) ที่ดำเนินการติดตั้งระบบโซลาร์รูฟให้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งจะเป็นรายได้ประจำเข้ามา นอกเหนือจากรายได้จากธุรกิจออกแบบติดตั้งก่อสร้างผลิตไฟฟ้า (EPC) และการจำหน่ายแผงโซลาร์เซลล์
ขณะที่ยังมีแผนจะเข้าร่วมเสนองานร่วมกับหน่วยงานรัฐเพื่อของบประมาณรายจ่ายกองทุนเพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานประจำปีงบประมาณ 2560 ซึ่งมีวงเงินราว 1 หมื่นล้านบาท และต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี ซึ่งทำให้ตลาดภายในประเทศยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ตรงนี้ก็น่าจะหนุนให้ราคาหุ้นฟื้นตัวแรงได้ในปีนี้
อันดับ 2 บริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCOราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวลดลง 53.09% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 40.50 บาท ลบ 21.50 บาท มาอยู่ที่ 19.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 ราคาหุ้นปรับตัวลงแรง หลังนักลงทุนเทขายทำกำไรเนื่องจากหุ้นยืนอยู่ในระดับสูงช่วงต้นปี ประกอบกับราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นรอบใหม่ครึ่งปีแรก 2559 สร้างส่งผลต่อต้นทุนการผลิตยางมะตอย ทำให้นักลงทุนกังวลและทยอยขายหุ้นออกมาอย่างต่อเนื่อง
ประกอบกับผลงานช่วง 9 เดือนปี 59 มีกำไรสุทธิ 2.22 พันล้านบาท ลดลง 43% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 3.90 พันล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการลดลงของราคาขายและปริมาณขาย หลังความต้องการยางมะตอยของตลาดส่งออกและตลาดในประเทศลดลง ประกอบกับช่วงที่เหลือไม่มีปัจจัยบวกเข้ามาสนับสนุนราคาหุ้นและภาวะตลาดไม่สดใสทำให้นักลงทุนทยอยขายหุ้นต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตามช่วงนี้ราคาหุ้นเริ่มขยับขึ้นรอบใหม่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า (TASCO) จากส่วนต่างราคา (Bitumen spread) ที่กว้างขึ้นส่งผลดีต่อการดำเนินงาน และกำไรไตรมาส 4/59 นอกจากนี้ อุปสงค์ยางมะตอยเพิ่มจากการซ่อมถนนในภาคใต้ และได้จิตวิทยาบวกจากราคาน้ำมันปรับลง
บล.คันทรี่ กรุ๊ป ระบุว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าจะมีการพิจารณางบซ่อมแซมถนนที่เสียหายจากปัญหาน้ำท่วมภาคใต้ และให้เงินกู้ช่วยเหลือผู้ประกอบการภาคใต้ที่ได้รับผลกระทบน้ำท่วม เป็นบวกต่อหุ้นในกลุ่มวัสดุก่อสร้าง ซึ่งรวมถึง TASCO ด้วย
อันดับ 3 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ KCราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวลดลง 52.83% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 2.12 บาท ลบ 1.12 บาท มาอยู่ที่ 1.00 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 สำหรับหุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรที่นักลงทุนชอบเข้ามาไล่ราคา เนื่องจากหุ้นมีราคาถูก อย่างไรก็ตามในยามที่หุ้นขึ้นแรงก็มีโอกาสที่หุ้นจะลงแรงด้วยเช่นกัน เนื่องจากหุ้นไม่พื้นฐานรองรับที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมาหุ้นรายนี้เข้าไปติดในกลุ่มหลักทรัพย์ที่เข้าข่ายตามเกณฑ์ Trading Alert และ Turnover List อยู่บ่อยครั้ง การเข้าลงทุนหุ้นรายนี้จึงต้องหาจังหวะเข้าลงทุนอย่างมาก
โดยเฉพาะช่วงนี้ KC ประเด็นผิดนัดชำระหนี้ค่าตั๋ว บี/อี บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนโซลาริส จำกัด โดยได้ผิดชำระหนี้มาแล้ว 2 ครั้ง คือครบกำหนดชำระหนี้เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.59 จำนวน 130 ล้านบาท และครบกำหนดชำระหนี้วันที่ 5 ม.ค.60 จำนวน 40 ล้านบาท รวมเป็นเงินจำนวนเงิน 170 ล้านบาท
ขณะเดียวกันภายในเดือนมกราคม KC มีกำหนดจะครบชำระหนี้อีก 2 ครั้ง ในวันที่ 19 ม.ค.60 จำนวน 40 ล้านบาท และในวันที่ 26 ม.ค.60 จำนวน 50 ล้านบาท ตรงนี้ยังเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามและน่าจะส่งผลต่อทิศทางราคาหุ้นได้อีก
อันดับ 4 บริษัท ริช เอเชีย คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ RICHราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวลดลง 52.54% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 0.59 บาท ลบ 0.31 บาท มาอยู่ที่ 0.28 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 หุ้นรายนี้ถือเป็นหุ้นเก็งกำไรเวลาปรับตัวขึ้นแรงก็จะมีแรงเทขายออกมาอย่างหนัก
อีกทั้งพื้นฐานบริษัทยังไม่แข็งแกร่ง เห็นได้จากผลการดำเนินงานช่วง 9 เดือนแรกขาดทุนสุทธิ 34.10 ล้านบาท ลดลง 66.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีผลขาดทุนสุทธิ 101.64 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทไม่แผนงานธุรกิจออกมาชัดเจน ส่งผลให้ราคาหุ้นตลอดปี 59 เป็นขาลงมาอย่างต่อเนื่องการเข้าลงทุนหุ้นรายนี้จึงต้องหาจังหวะเข้าลงทุนอย่างมาก
อันดับ 5 บริษัท เค.ซี. พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ BEC ราคาหุ้นปี 2559 ปรับตัวลดลง 45.57% จากราคา ณ วันที่ 30 ธ.ค. 58 อยู่ที่ระดับ 30.50 บาท ลบ 13.90 บาท มาอยู่ที่ 16.60 บาท ณ วันที่ 30 ธ.ค.59 ราคาหุ้นเป็นขาลงตั้งแต่ต้นปี 59 เนื่องจากผลการดำเนินงานเริ่มถดถอยและไม่สามารถฟื้นตัวขึ้นได้ นับตั้งแต่ปี 56 มีกำไร 5,589.48 ล้านบาท ส่วนปี 2557 มีกำไร 4,414.99 ล้านบาท และปี 2558 มีกำไร 2,982.71 ล้านบาท ส่วนล่าสุดงวด 9 เดือน ปี 2559 มีกำไร 1,288.51 ล้านบาท ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนว่าผลการดำเนินบริษัทถดถอยอย่างชัดเจน
เนื่องจากช่วงที่ผ่านมาธุรกิจฟรีทีวีเผชิญกับการแข่งขันอย่างหนัก หลังมีช่องทีวีดิจตอลเข้ามาหลายช่องส่งผลให้ส่วนแบ่งการตลาดออกไปกระจายออกไปและทำให้รายได้ค่าโฆษณาที่เคยได้รับหดตัวลง
บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า BEC สถานการณ์ดีขึ้นในระยะสั้น ความเสี่ยงในระยะยาวคงเดิมแม้ว่ารัฐจะช่วยผ่อนผันการออกอากาศของรายการโทรทัศน์และวิทยุในช่วงการไว้ทุกข์ AGB Nielsen รายงานว่าค่าใช้จ่ายการโฆษณารวมและ ATV ลดลง ในเดือน ต.ค. – พ.ย. 42-44% และ 55-60% ตามลำดับ เนื่องจากรายการโทรทัศน์ส่วนใหญ่อยู่ในช่วงการไว้ทุกข์ นอกจากนี้ผู้ประกอบการทีวียังเสียส่วนแบ่งการตลาดให้กับอินเทอร์เน็ตที่มีค่าใช้จ่ายในการโฆษณาเพิ่มขึ้น 3-78% ในช่วงไตรมาส1/58 – พ.ย.59 ในขณะที่การดำเนินงานของ BEC จะต่ำสุดใน ไตรมาส 4/59 แต่คาดว่าการฟื้นตัวในไตรมาส 1/60 จะยังต่ำ เนื่องจากเป็นช่วง Low-season
คาดว่ากระแสเงินสดของ BEC จะเพิ่มขึ้นเป็น 444 ล้านบาทในปี 2017-22 จากการยืดอายุการชำระค่าใบอนุญาต DTTV จาก 3 ปี เป็น 6 ปี ซึ่งจะช่วยการเปลี่ยนถ่ายในปี 2020 หลังสัมปทานเดิมหมดอายุ แต่อย่างไรก็ตาม สื่อ VR/Online จะยังคงชิงส่วนแบ่งของทีวีในระยะยาว
ปรับประมาณการปี 2016-18F ลง 15-24% สะท้อนแนวโน้มการดำเนินงานที่อ่อนแอของ BEC โดยเฉพาะ ATV ปรับมูลค่าที่เหมาะสมลงจาก 23.5 บาท เป็น 17.50 บาท
ทั้งนี้แม้ราคาหุ้นในกลุ่มดังกล่าวจะอ่อนตัวลงหนัก หากมองอีกด้านหนึ่งหุ้นกลุ่มนี้ก็มีโอกาสสร้างผลตอบแทนสูงได้เช่นกัน เพราะเมื่อดูแผนการดำเนินงานหุ้นกลุ่มนี้ก็ยังมีลุ้นฟื้นตัว การหาจังหวะเข้าสะสมหุ้นร่วงหนักช่วงนี้ก็น่าจะเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เก็บของถูกเข้าพอร์ตอีกครั้ง
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน