SCB จ่อประกาศงบ Q4 กว่า 1.23 หมื่นล้านอัพไซด์เหลือเพียบ หลังอัพราคาเป้าสู่ 178 บ.

SCB เตรียมประกาศกำไร Q4/59 กว่า 1.23 หมื่นลบ. หลังตั้งสำรองฯ ลด โบรกฯ เชียร์ "ซื้อ" อัพราคาเป้าหมายแตะ 178 บ.


SCB เตรียมประกาศกำไร Q4/59 กว่า 1.23 หมื่นลบ. หลังตั้งสำรองฯ ลด โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” อัพราคาเป้าหมายแตะ 178 บ.

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB หลังจากเข้าสู่ช่วงประกาศผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยกลุ่มธนาคาร โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักต่างการันตีว่าผลการดำเนินงานของ SCB ในไตรมาสดังกล่าวจะปรับตัวดีขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน หลังได้รับแรงหนุนจากการตั้งสำรองหนี้สูญที่ลดลง หลังผ่านแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI โดยราคาหุ้นยังมีอัพไซด์อยู่ถึง % หลังจากโบรกฯ อัพราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 178 บาท

โดยราคาหุ้นปิดตลาดล่าสุดวันที่ (16 ม.ค.) อยู่ที่ 155 บาท ปรับตัวลง 2.50 บาท หรือ 1.59% มูลค่าการซื้อขาย 816.07 ล้านบาท

 

 

ด้าน บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” SCB ราคาเป้าหมาย 174 บาท/หุ้น โดยคาดว่าจะมีกำไรไตรมาส 4/59 ที่ 1.23 หมื่นล้านบาท ดีขึ้น 6%จากไตรมาสก่อนและ 4%จากปีก่อนโดยแรงหนุนหลักคาดว่าจะมาจากสำรองหนี้สูญที่ลดลง เนื่องจากการผ่านแผนฟื้นฟูกิจการของ SSI จะทำให้ NPL ลดลงแรง และ NPL Coverage Ratio เพิ่มขึ้นมาก โดยมองว่าในปี 60 ค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญจะยังคงต่ำเช่นกัน โดยปรับประมาณการกำไรปี 60 เพิ่มขึ้น 3.2% จากประเด็นดังกล่าว ให้ราคาเป้าหมายใหม่ที่ 174 บาท อิง PBV 1.65 เท่า ยังคงแนะนำ “ซื้อ” มองเด่นทั้งในด้านการเติบโตของกำไร และสำรองหนี้ที่แข็งแกร่ง

 

ขณะที่ บล.กสิกรไทย แนะนำ “ซื้อ” SCB ราคาเป้าหมาย 178 บาท/หุ้น โดยคาดว่า SCB จะรายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/2559 ที่ 12.3 พันล้านบาท เติบโต 4%จากปีก่อนและ 6.4%จากไตรมาสก่อนโดยคาดว่ารายได้การดำเนินงานที่ดีขึ้น (รายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII) และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย (non-NII)) และการตั้งสำรองที่ลดลงจะเป็นปัจจัยหนุนสำคัญต่อการเติบโตด้านกำไรจากปีก่อน

ขณะที่การตั้งสำรองที่ลดลงอย่างมากในเชิงไตรมาสก่อนจากคาดการณ์การปรับชั้นสินเชื่อ SSI จากหนี้สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) เป็นสินเชื่อจัดชั้นพิเศษ (SML) จะทำให้กำไรปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนในด้านกำไรก่อนตั้งสำรอง (PPOP) นั้นคาดว่าจะโตขึ้นเล็กน้อยด้วยระดับ 1.5%จากปีก่อนจากรายได้การดำเนินงานที่ดีขึ้น ที่คาดว่าจะถูกหักลบโดยค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน (OPEX) ที่สูงขึ้นจากการลงทุนในระบบธุรกรรมดิจิตอลของ SCB รวมถึงค่าใช้จ่ายพนักงานที่สูงขึ้น

สำหรับในเชิงไตรมาสก่อนคาดว่า PPOP จะลดลง 7.5% สืบเนื่องจาก OPEX ที่สูงขึ้นจากรายได้ค่าธรรมเนียมที่ลดลง ทั้งนี้คาดว่าสินเชื่อจะโตขึ้น 1.7%จากปีก่อน, 6%จากปีก่อน และ 6%จากต้นปีจนถึงปัจจุบันซึ่งถือว่าดีกว่าประมาณการของที่ 5% เล็กน้อย คงคำแนะนำ “ซื้อ” SCB ด้วยราคาเป้าหมายที่ 178 บาท คิดเป็น PBV 1.6 เท่าสำหรับปี 2560 โดยปัจจุบันหุ้นซื้อขายกันในระดับ PBV 1.4 เท่าสำหรับปี 2560 หรือคิดเป็น -1.5SD ต่อค่าเฉลี่ยระยะยาวของ PBV นอกจากนี้หุ้นก็ดูมีความน่าดึงดูด ด้วย upside 14% ต่อราคาเป้าหมาย และมีอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่ 3.8% สำหรับปี 2560 ทั้งนี้ เชื่อว่ากำไรจะเข้าสู่ทิศทางขาขึ้น ณ ไตรมาส 4/2559

 

*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน

Back to top button