เคาะ 15 หุ้นดาวเด่นมีพัฒนาการเชิงบวกกำไร Q4 มาตามนัด-อัพไซด์เหลือเพียบ
เคาะ 15 หุ้นดาวเด่น แนวโน้มผลงานมีพัฒนาการเชิงบวก ฟากโบรกฯ ฟันธงกำไร Q4/59 มาตามนัด ชูอัพไซด์เหลืออีกเพียบ
เคาะ 15 หุ้นดาวเด่น แนวโน้มผลงานมีพัฒนาการเชิงบวก ฟากโบรกฯ ฟันธงกำไร Q4/59 มาตามนัด ชูอัพไซด์เหลืออีกเพียบ
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจบทวิเคราะห์ของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (บจ.) ที่มีแนวโน้มว่าผลการดำเนินงานไตรมาส 4/59 จะออกมาโดดเด่น ด้านธุรกิจมีพัฒนาการเชิงบวก อีกทั้งราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ค่อนข้างสูง จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ โดยพบว่ามีทั้งหมด 15 บจ. ที่มีสภาพคล่อง และเข้าเกณฑ์ดังกล่าว ประกอบด้วย WICE,TACC ,FN ,WHA ,ANAN ,AMATA ,TKN ,IRPC ,NOBLE ,SIRI และBIG
อันดับที่ 1 บริษัท ไวส์ โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WICE โดย บล.เออีซี แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท/หุ้น โดยยังมีมุมมองบวกต่อการเติบโตในระยะยาวของ WICE และยังคงประมาณการเดิม โดยคาดช่วงไตรมาส 4/59มีกำไรสุทธิ 38.6 ล้านบาท โต 85% จากปีก่อนจากรับรู้ผลประกอบการ SEL Singapore เต็มไตรมาสเป็นครั้งแรก หนุนให้ทั้งปี 2559 คาด WICE จะมีกำไรสุทธิ 88 ล้านบาท โต 45.2% จากปีก่อนและโตต่อปีละ 37.8% ในปี 2560-2561 ด้วยแรงหนุนจากผลแห่ง Synergy หลังควบรวมกิจการ
อีกทั้งการขยายฐานลูกค้ารายใหม่ๆ และการสยายปีกด้วยธุรกิจ Warehouse และธุรกิจขนส่งข้ามประเทศด้วยรถบรรทุก ขณะที่หากพิจารณาฐานะการเงินของ WICE พบว่ามีความแข็งแกร่งมาก โดยคาดสิ้นปี 2559 จะมี Interest bearing debt to Equity 0.17 เท่าอีกทั้งยังมี CFO ปี 2560-2561 ที่คาดทำได้อีกเฉลี่ยปีละกว่า 164 ล้านบาท ซึ่งเพียงพอรองรับแผนลงทุนข้างต้น โดยที่ผู้ถือหุ้นไม่ต้องกังวลเรื่องการเพิ่มทุนแต่อย่างใด
อันดับที่ 2 บริษัท ที.เอ.ซี. คอนซูเมอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TACC โดย บล.บัวหลวง แนะนำ หาจังหวะเข้าทยอยสะสม TACC จากปัจจัยพื้นฐานการเติบโตที่แข็งแกร่ง ยังคงคำแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมาย 12.30 บาท โดยยังคงมั่นใจในประเด็นการเติบโตในอนาคตของบริษัททั้งในส่วนของธุรกิจเดิม และธุรกิจใหม่ ทั้งจากการเติบโตไปพร้อมกับ 7-11, การเน้นกลยุทธ์เพิ่มตู้กดร้อนในร้านสะดวกซื้อซึ่งมีจำนวนการขายต่อวันที่มากกว่าปั๊มน้ำมัน,ปีหน้ารับผลประโยชน์โดนัทและ Sanrio เต็มปี และตลาดกัมพูชาที่ยอดขาย Zenya ขยายตัวต่อเนื่อง
ขณะที่กำไรในไตรมาส 4/59 คาดจะทำจุดสูงสุดได้ตามคาด และเชื่อว่าแนวโน้มกำไรจะดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ปัจจุบันราคาหุ้นเทรดบน PEG 0.96 เท่า ซึ่งต่ำกว่าบริษัทที่อยู่ในกลุ่มเดียวกันอีกมากอย่าง CBG 4 เท่า
อันดับที่ 3 บริษัท เอฟเอ็น แฟคตอรี่ เอ๊าท์เลท จำกัด (มหาชน) หรือ FN ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะนำ “ซื้อ” FN ราคาเป้าหมาย 10.20 บาท/หุ้น โดยมองว่าโดดเด่นสุดในกลุ่มค้าปลีก แนวโน้มกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 น่าจะเติบโตดีทั้ง จากไตรมาสก่อนและจากปีก่อนเป็นกำไรสูงสุดของปี ผลจากการตอบรับที่ดีมากของสาขาใหม่แห่งที่ 8 ที่อยุธยา
รวมถึงอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการช้อปช่วยชาติในเดือน ธ.ค. ฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 59 ลดลงเล็กน้อย 2.7%จากปีก่อนจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวในช่วงครึ่งปีแรกและไม่มีการเปิดสาขาใหม่ คาดกำไรจะกลับมาเติบโตโดดเด่นถึง 47%จากปีก่อนในปี 60
โดยให้น้ำหนักต่อการเปิดสาขาใหม่เป็นหลัก จากทั้งการรับรู้รายได้เต็มปีของสาขาอยุธยา และยังมีแผนเปิด 2 สาขาใหม่ในปีหน้า ทั้งนี้ด้วยฐานที่ยังค่อนข้างต่ำของ FN ทำให้ยังมีช่องว่างในการเติบโตได้อีกมาก จากการเปิดสาขาใหม่, การแข่งขันที่อยู่ในระดับต่ำของธุรกิจ Outlet และความสามารถในการทำกำไรที่ทำได้โดดเด่นกว่ากลุ่มค้าปลีกอย่างมาก จึงคาดเห็นการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญในช่วง 5 ปีข้างหน้า
โดยคาดการณ์อัตราการเติบโตของกำไรสุทธิปี 60 – 64 เฉลี่ยปีละ 28.7% CAGR ถือเป็นอัตราการเติบโตสูงสุดในกลุ่มค้าปลีก เราจึงเห็นว่า FN ควรเทรดที่ระดับ PEG สูงกว่าหรือเทียบเท่ากับกลุ่มค้าปลีก ซึ่งปัจุจุบันเทรดอยู่ที่ 1.7 เท่า ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มราคาเป้าหมายปี 60 ขึ้นเป็น 10.2 บาท (อิง DCF, คิดเป็น Implied PEG 1.7 เท่า) จากเดิม 6 บาท (คิดเป็น PEG เพียง 1 เท่า) ทั้งนี้ประมาณการของเรายังมี Upside หากบริษัทสามารถเปิดสาขาใหม่ได้มากกว่าสมมติฐานที่ 2 แห่งต่อปี ที่ราคาเป้าหมายใหม่ยังมี Upside
อันดับที่ 4 บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA โดย บล.ธนชาต ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานของ WHA ในไตรมาส 4/59 จะเติบโตแข็งแกร่ง จากการขายสินทรัพย์เข้ากอง REIT ราว 1.2 หมื่นล้านบาท นอกจากนี้ยังได้แรงหนุนจากการนำธุรกิจไฟฟ้า WHAUP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในช่วงไตรมาส 1/60 ซึ่งจะให้สิทธิผู้ถือหุ้นเดิมในการจองซื้อหุ้น WHAUP บางส่วน ทำให้มองว่าการเข้าซื้อขายของ WHAUP จะเป็น Sentiment เชิงบวกต่อราคาหุ้น WHA
นอกจากนี้ WHA ยังได้รับผลบวกจากภาระดอกเบี้ยที่ลดลง รวมถึงปัจจัยหนุนจากยอดขายที่ดินเพิ่มขึ้น และกำลังการผลิตไฟฟ้า WHAUP ที่เพิ่มขึ้น ช่วยหนุนกำไรเติบโตแกร่ง 45% ในปีนี้ ทั้งนี้แนะนำซื้อให้เป้า 3.80 บาท
อันดับที่ 5 บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN โดย บล.ทรีนีตี้ แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 5.98 บาท/หุ้น คาดไตรมาส 4/59 จะเป็นไตรมาสที่โดดเด่นสุดของปี และยังมีอัตราการเติบโตของทั้งรายได้และกำไรอย่างแข็งแกร่ง ยอด Presales 11 เดือนแรกของปี 59 ทะลุเป้าเรียบร้อย โครงการใหม่ปี 2560 จ่อคิวเปิดตัว 17 โครงการ และรอโอนใหม่อีก 10 โครงการ เชื่อว่าปี 2560 จะเป็นปีที่ ANAN จะมีการเติบโตโดดเด่นในกลุ่ม
ทั้งนี้ ANAN ได้วางแผนเปิดโครงการใหม่ 17 โครงการ เติบโตจากปี 2559 74% จากปีก่อนโดยที่เป็นโครงการคอนโด 10 โครงการ (7 โครงการเป็นส่วนของ JV) มูลค่ารวม 2.88 หมื่นล้านบาท และโครงการบ้านเดี่ยว 7 โครงการ มูลค่า 7.1 พันล้านบาท จากที่ไม่มีโครงการบ้านเดี่ยวเปิดตัวในช่วงปี 2559 และเนื่องจากในช่วง 1H60 จะมีการแข่งขันสูง จากการที่หลายๆ Developer ได้เลื่อนเปิดโครงการจากช่วงปลายปี 2559 มาเป็นต้นปี 2560 แทน แต่จากยอด Presales ของ ANAN ที่ทำได้อย่างน่าประทับใจในช่วงที่ผ่านมา ช่วยให้เรารู้สึกมั่นใจในโครงการที่จะเปิดตัวใหม่ในปี 2560 มากขึ้น
*อนึ่งข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆการตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน