จัดธีม 26 หุ้นปันผลเด่นน่าเก็บ!ก่อนประกาศงบฯ-เงินปันผลปี 59
จัดธีม 26 หุ้นปันผลเด่นน่าเก็บ! ก่อนประกาศงบฯ-เงินปันผลปี 59 โบรกฯชู ASK,LH, SCC,TCAP และ PTTGC เป็น Top Picks
จัดธีม 26 หุ้นปันผลเด่นน่าเก็บ! ก่อนประกาศงบฯ-เงินปันผลปี 59 โบรกฯชู ASK,LH, SCC,TCAP และ PTTGC เป็น Top Picks
เริ่มเข้าสู่ช่วงประกาศงบปี 59 พร้อมกันนั้นจะมีการประกาศจ่ายเงินปันผลตามมาด้วย ดังนั้นเพื่อไม่ให้นักลงทุนได้พลาดโอกาสเก็บหุ้น “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” จึงทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลที่น่าสนใจ โดยอิงข้อมูลจากบทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ได้ระบุว่า การประกาศงบการเงินงวดปี 59 กำลังใกล้เข้ามา และหลังจากนี้จะเป็นช่วงการประกาศจ่ายเงินปันผล (รายไตรมาส ครึ่งปี หรือ 1 ปี) คือราวเดือน มี.ค.-พ.ค. ทำให้หุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลสูงจะให้ผลตอบแทนที่ดี (รวมเงินปันผล และ capital gain)
โดยช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดในการลงทุนในหุ้นปันผลเด่น คือให้ซื้อก่อนวันขึ้น XD ราว 2 เดือนและขายทำกำไรในวันขึ้น XD โดยแบ่งผลตอบแทนที่ได้ออกเป็น 2 กรณีหลักๆ ดังนี้
หุ้นที่จ่ายปันผลปีละครั้งหากซื้อก่อนวันขึ้น XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในอดีตสูงถึง 11.66% (ด้วยความน่าจะเป็นกว่า 84%) ได้แก่ THANI ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 27.0% รองลงมา คือ IRPC 17.3%,IFS 15.6%,ASK 12.6%,TK 12.1%, SC 6.7%,TISCO 5.6%,KTB 3.9% และ SITHAI 4.3%
หุ้นที่จ่ายปันผลปีละมากกว่า 2 ครั้ง หากซื้อก่อนวันขึ้น XD ราว 2 เดือน และขายทำกำไรในวันขึ้น XD ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยในอดีตสูงถึง 7.57% (ความน่าจะเป็น 79%) ได้แก่ AH ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยสูงถึง 15.8% ตามมาด้วย BCP 13.8%,SENA 13.4%,AIT 13.4%,MAJOR 12.5%, INTUCH 11.6%,MCS 11.1%,ADVANC 10.4%,HANA 10.3%,GLOW 10.3%,SPALI 9.8%,TCAP 7.5%,TTW 7.3 %,SAT 7.2%,LANNA 7.1%,BBL 6.9%,PTTGC 6.8% และบริษัทอื่นๆอีกกว่า 15 บริษัท โดยฝ่ายวิจัยฯเลือก ASK, LH, SCC, TCAP และ PTTGC เป็น Top Picks
โดย บริษัท เอเซียเสริมกิจลีสซิ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ASK ดำเนินธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ทุกประเภทและสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อทะเบียนรถยนต์ สินเชื่อแก่ผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ บริการด้านประกันภัย บริการจด/โอนทะเบียนและต่อภาษีรถยนต์
บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า ASK ให้สินเชื่อรถเชิงพาณิชย์ ตั้งเป้าสินเชื่อปี 60 โต 15% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่าปีนี้ที่ โต10% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เน้นสินเชื่อรถบรรทุก
ซึ่งได้อานิสงส์จากการขนส่งในประเทศและการค้าชายแดนที่จะคึกคักขึ้นในปีหน้าในบรรดาผู้เล่นในธุรกิจเดียวกัน ต้นทุนทางการเงินของ ASK ลดลงช้าที่สุด โดยเพิ่งเริ่มลดลงตั้งแต่ไตรมาส 3/59 และในไตรมาส 4/59 จะมีหุ้นกู้ดอกเบี้ยสูงครบอายุอีก ทำให้ ASK ได้ประโยชน์เต็มที่เต็มปีในปี 60
ในขณะที่บริษัทอื่นในกลุ่มรับรู้ประโยชน์ไปแล้วในปีนี้กำไรของ ASK ในปีหน้าจึงเด่นสุด คาด +11.5% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน สูงกว่า THANI ที่ +6.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ปัจจุบัน ASK มี 2017PE 9.5 เท่า ถูกกว่า THANI (12.9 เท่า) และคาด Dividend yield 6-7% สูงกว่า THANI (4.3-4.6%) แนะนำซื้อ ASK และชอบมากกว่า THANI ราคาพื้นฐาน 27 บาท ปรับขึ้นจากเดิม 25 บาท
ด้านบริษัท แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) หรือ LH เปิดแผนงานปี 60 ตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้จากธุรกิจการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพื่อขาย 3.1 หมื่นล้านบาท และรายได้ค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์อีก 3.15 พันล้านบาท จากโรงแรม 4 แห่งในกทม.และอพาร์ตเมนท์ 4 แห่งในสหรัฐ ขณะที่คาดว่าปีนี้จะมียอดขาย 2.6 หมื่นล้านบาท โดยเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 1.49 หมื่นล้านบาท
สำหรับปีนี้บริษัทเตรียมงบลงทุนราว 1.1 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นใช้เพื่อซื้อที่ดินราว 7 พันล้านบาท และงบลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์เพื่อการให้เช่าอีก 4 พันล้านบาท ขณะที่บริษัทมีแผนระดมทุนด้วยการออกหุ้นกู้จำนวนไม่ต่ำกว่า 1 หมื่นล้านบาท และอยู่ระหว่างดำเนินการขายโรงแรมแกรนด์ เซ็นเตอร์พอยท์ ราชดำริ เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ให้แล้วเสร็จภายในครึ่งปีแรก ทั้งนี้ บริษัทคาดว่า ณ สิ้นปี 60 บริษัทจะมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) อยู่ที่ระดับไม่เกิน 0.8 เท่า
ส่วนบริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 5.61 หมื่นล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 46.74 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 24% จากปี 58 มีกำไรสุทธิ 4.54 หมื่นล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 37.83 บาทต่อหุ้น
โดยผลการดำเนินงานดังกล่าวปรับตัวขึ้นเนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดีขึ้น แม้ว่าธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้างมีผลการดำเนินงานในประเทศลดลง และมี EBITDA เท่ากับ 96,227 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 16% จากปีก่อน ขณะที่รายได้จากการขายเท่ากับ 423,442 ล้านบาท ลดลง 4% จากปีก่อน จากราคาขายของสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง
ขณะที่ประกาศจ่ายปันผลงวดดำเนินงานวันที่ 1 ก.ค. 2559 ถึงวันที่ 31 ธ.ค. 2559 เป็นเงินสดจำนวน 10.50 บาทต่อหุ้น โดยจะขึ้นเครื่องหมาย XD ไม่ได้รับสิทธิปันผลในวันที่ 4 เม.ย.60 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 27 เม.ย.60
ด้านบริษัท ทุนธนชาต จำกัด (มหาชน) หรือ TCAP รายงานผลการดำเนินงานประจำปี 59 สิ้นสุดวันที่ 31 ธ.ค.59 (รวมบริษัทย่อย) มีกำไรสุทธิ 6.01 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 5.16 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 11% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 5.44 พันล้านบาท หรือมีกำไรสุทธิ 4.61 บาทต่อหุ้น
บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุในบทวิเคราะห์ว่า TCAP งบดุลแข็งแกร่ง พร้อมที่จะเติบโตต่อ ธนาคารได้โฟกัสเรื่องคุณภาพสินทรัพย์มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 58 แนะนำซื้อประเมินราคาพื้นฐานที่ 53 บาท โดยเลื่อนไปอิงกับ P/BV ปี 60 ที่ 1.0 เท่า คาดการณ์เงินปันผลของปี 59-60 ไว้ที่ 1.82 และ 2.12 บาท/หุ้น คิดเป็น Yield 4.5% และ 5.2% ตามลำดับ (ให้สมมติฐาน Payout ratio 35%)
ส่วนบริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ PTTGC บริษัทคาดรายได้ปี 60 น่าจะเติบโตราว 22% จากปีนี้คาดทำได้ 3.2 แสนล้านบาท ปรับตัวลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่อยู่ที่ 4.10 แสนล้านบาท โดยมองราคาน้ำมันดิบดูไบในปีหน้าจะแกว่งตัวอยู่ในกรอบ 45-55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งธุรกิจโรงกลั่นจะไม่มีการหยุดซ่อมบำรุง หรือจะมีการใช้กำลังการผลิต 100%
ทั้งนี้คาดการณ์มาร์จิ้นของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในปี 60 จะมีค่าการกลั่น (GRM) อยู่ที่ 5.4 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เพิ่มขึ้นจากคาด 5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรลในปีนี้ และส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ HDPE กับวัตถุดิบอีเทน จะสูงขึ้นจากราว 750 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในปีนี้ ตามราคาผลิตภัณฑ์ HDPE ที่คาดว่าจะสูงขึ้น ขณะเดียวกันปริมาณการใช้น่าจะเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับซัพพลาย หลังจากจีนลดการส่งออกลง