3 โบรกฯ เชียร์ “ซื้อ” TASCO อัพเป้าทะลุ 29 บ. ลุ้นกำไรสุดจี๊ด!
TASCO วิ่งปรู๊ดปร๊าด! วอลุ่มกระฉูด ลุ้นกำไรปี 60 โตโดดเด่น รับอานิสงส์ราคายางมะตอยกลับมาฟื้นตัว ฟาก โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ" ปรับเพิ่มประมาณการ-อัพราคาเป้ากันทั่วหน้า!
TASCO วิ่งปรู๊ดปร๊าด! วอลุ่มกระฉูด ลุ้นกำไรปี 60 โตโดดเด่น รับอานิสงส์ราคายางมะตอยกลับมาฟื้นตัว ฟาก โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” ปรับเพิ่มประมาณการ-อัพราคาเป้ากันทั่วหน้า!
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท ทิปโก้แอสฟัลท์ จำกัด (มหาชน) หรือ TASCO หลังจากราคาหุ้นปรับตัวพุ่งกระฉูดเมื่อวานนี้ (6 ม.ค.) โดยปิดที่ 24.90 บาท ปรับตัวขึ้น 1.70 บาท หรือ 7.33% ด้านมูลค่าซื้อขายทะลุ 2.06 พันล้านบาท ขณะที่ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 22.90 บาท ณ วันที่ 2 ก.พ.60 ขณะที่ P/E ยังต่ำกว่ากลุ่ม และต่ำกว่าตลาด ล่าสุด ณ วันที่ 3 ก.พ.60 อยู่ที่ 10.60 เท่า ส่วน P/E กลุ่มวัสดุก่อสร้างนั้นอยู่ที่ 13.07 เท่า และ P/E ตลาด (SET) อยู่ที่ 19.22 เท่า
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นที่ปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่ารับอานิสงส์จากราคายางมะตอยที่กลับมาฟื้นตัวหลังจากที่ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 59 รวมทั้งปี 60 ความต้องการยางมะตอยในประเทศจะเพิ่มขึ้น โดยจำเป็นจะต้องใช้ยางมะตอยในการปรับปรุงซ่อมแซมถนนหนทางที่เสียหายจากเหตุการณ์น้ำท่วมในภาคใต้
โดย นายชัยวัฒน์ ศรีวรรณวัฒน์ กรรมการผู้จัดการ TASCO เปิดเผยว่า ในปี 2560 จะยังคงเป็นปีที่แข็งแกร่งของ TASCO อีกปีนึง เนื่องจากงบประมาณรัฐบาลในประเทศประจำปี 2560 สำหรับการซ่อมสร้างถนนยังเติบโตต่อเนื่อง ในขณะที่อาจได้รับประโยชน์เพิ่มเติมหากรัฐบาลออกงบเพิ่มเติมเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในภาคใต้ ด้านตลาดต่างประเทศนั้นในปี 2560 จะเป็นปีที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน ทั้งในประเทศอินโดนีเซียและเวียดนาม
ทั้งนี้ในปีที่แล้วนับเป็นปีที่ไม่ง่ายสำหรับบริษัท เนื่องจากผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่มีการเดินหน้าผลิตอย่างเต็มกำลังทำให้ผลิตภัณฑ์ยางมะตอยนั้นเยอะตามไปด้วย ส่งผลให้ราคายางมะตอยอยู่ในระดับที่ต่ำ กอปรกับรัฐบาลในหลายประเทศสั่งตัดลดงบประมาณการลงทุน สำหรับปีนี้จะไม่มีปัญหาการผลิตยางเกินความต้องการ รวมถึงงบประมาณการลงทุนในการซ่อมสร้างถนนในต่างประเทศเพิ่มขึ้น ทำให้ราคายางมะตอยในตลาดโลกที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง โดยขณะนี้มีสัญญาณฟื้นตัวราวร้อยละ 30 จากสิ้นปีที่แล้ว
“เรามีความพร้อมที่จะส่งมอบยางมะตอยให้ลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศ เนื่องจาก TASCO มีโรงกลั่นยางมะตอยของตัวเองในประเทศมาเลเซีย คลังเก็บยางมะตอยที่กระจายอยู่ทั้งในและต่างประเทศ รถขนส่งยางมะตอบกว่า 400 คัน เรือเดินสมุทร 9 ลำและอีก 1 ลำที่พร้อมประจำการในครึ่งหลังของปี 2560 ซึ่งเป็นเรือบรรทุกยางมะตอยขนาดใหญ่ที่สุดในเอเชียเพื่อรองรับการเติบโตในต่างประเทศ”นายชัยวัฒน์กล่าว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยปรับราคาเป้าหมาย TASCO ขึ้นเป็น 29 บาท จากเดิม 23.2 บาท โดยเป็นการปรับเป้าหมาย PE ขึ้นเป็น 15 เท่า คิดเป็น +1.5 std ของค่าเฉลี่ย PE ในอดีต (ปรับขึ้นจากเป้า PE 12 เท่า) ซึ่งประเมินว่า PE ควรได้รับการ Re-rate ขึ้น เนื่องจากผลการดำเนินงานพ้นจุดต่ำสุดในไตรมาส 3/59 และราคายางมะตอบเริ่มฟื้นตัวแรง
นอกจากนี้ประเมินรูปแบบราคาแกว่งตัว Sideway รอสัญญาณการเบรกแนวต้าน 23.4 บาท หากทะลุผ่านได้มีโอกาสทดสอบแนวต้าน 24.1 บาท และถัดไปที่ 25 บาท แนวรับ 23.8 บาท (Stop loss 22.3 บาท)
รวมทั้งประเมินกำไรปี 2560 จะพลิกกลับมาเติบโต 11.9% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็น 3 พันล้านบาทโดยปัจจัยขับเคลื่อนที่สำคัญได้แก่ ยอดขายในปี 2560 ที่คาดว่าจะโต 5%เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนเป็น 2.1 ล้านตัน จากอุปสงค์ในประเทศที่แข็งแกร่ง และอาจจะมีงบพิเศษสำหรับการซ่อมแซมถนนในภาคใต้เพิ่มเติมหลังจากที่เกิดน้ำท่วมใหญ่ในไตรมาส 4/59 บวกกับอุปสงค์ในภูมิภาคที่ฟื้นตัวขึ้นจากลูกค้ารายใหญ่ในจีน เวียดนาม และอินโดนีเซีย ซึ่งเร่งลงทุนอย่างหนักในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รวมทั้งราคายางมะตอย ที่ดีดตัวขึ้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้ GPM ในปี 2560 ยืนได้ที่ 16%
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยปรับเพิ่มคำแนะนำเป็นซื้อ จากเดิม Fully Valued ราคาพื้นฐานใหม่อยู่ที่ 28.00 บาท/หุ้น จากเดิม 17 บาท ซึ่งประเมินด้วย P/E ปี 60 ที่ 12 เท่า (+0.75 SD จากค่าเฉลี่ย P/E) เมื่อ 13 ม.ค.60 ทั้งนี้ได้ปรับประมาณการปี 60 เพิ่ม 13% โดยมีสมมุติฐานให้รายได้เพิ่มขึ้นตามราคาขายยางมะตอยที่สูงขึ้น
สำหรับคาดการณ์กำไรปี 59 นั้นลดลง 44% จากปี 58 เป็น 2.85 พันล้านบาท ซึ่งถือเป็นจุดต่ำสุดที่ผ่านไปแล้ว และในปี 60 คาดว่ากำไรสุทธิจะฟื้นตัวขึ้นเป็นโต 24% สู่ระดับ 3.54 พันล้านบาท
โดยราคาขายยางมะตอยฟื้นตัวดีขึ้นตามอุปสงค์ที่มากขึ้นในภูมิภาค หลังจากที่ได้ถึงจุดต่ำสุดไปแล้วในปี 59 ขณะที่ราคาน้ำมันเฉลี่ยในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้น 10% มาที่ 55 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล (เทียบกับ ธ.ค.59 ที่ 50 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล) ราคาขายยังต่างประเทศเพิ่มขึ้น 27% เป็น 280 เหรียญสหรัฐต่อตัน (เทียบกับ ธ.ค.59 ที่ 220 เหรียญสหรัฐต่อตัน) อันเป็นผลพวงจากอุปสงค์จากทางจีนและอินโดนีเซียฟื้นตัวดีขึ้น หลังจากได้อุปสงค์ได้หดตัวลงไปมาในปี 59 ที่ผ่านมา กอปรกับอุปทานกลับปรับตัวลง เพราะคู่แข่งขันรายใหม่ที่เข้ามาในปี 59 ก็ประสบภาวการณ์ขาดทุนที่มาก จึงได้ลดกำลังการผลิตลง หรือได้ออกจากธุรกิจยางมะตอย
ทั้งนี้ คาดว่าอุปสงค์ยางมะตอยในประเทศจะเพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์น้ำท่วมหนักภาคใต้คลี่คลาย โดยคาดว่าจะต้องมีการซ่อมแซมถนนหนทางที่เสียหายกันในปี 60 อย่างไรก็ตาม ปริมาณการขายยางมะตอยจากส่วนนี้ไม่น่าจะเพิ่มแบบมีนัยสำคัญเมื่อเทียบกับปริมาณการขายทั้งหมดของบริษัท แต่มีส่วนที่จะช่วยเพิ่มอัตรากำไรขั้นต้นได้ เพราะปกติแล้วการขายยางมะตอยในประเทศจะให้อัตรากำไรขั้นต้นที่สูงกว่าส่งออกอยู่ราว 10-15% ทั้งนี้ TASCO มียอดขายยางมะตอยในประเทศ 30% และส่งออก 70%
ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดย แนะนำ “TRADING BUY” TASCO จากเดิม ถือ และให้ราคาเป้าหมาย 27 บาท/หุ้น จากเดิม 22 บาท บนฐาน P/E ปี 2560 เท่ากับ 12.13 เท่า (ค่าเฉลี่ย P/E + 1SD)
โดยราคายางมะตอยในเดือน ม.ค. 2560 ทั้งอ้างอิง Argus และกรมการค้าภายในปรับขึ้นแรง 29-30% เทียบกับราคาในเดือน ธ.ค. 2559 คาดจะทำให้มีกำไรในสต็อกและจะทำให้กำไรในไตรมาส 4/59 จะสูงถึง 800-900 ล้านบาท ดีขึ้นจากคาดการณ์เดิม 600-800 ล้านบาท และทำให้ในไตรมาส 1/60 มีกำไรมากกว่า 1 พันล้านบาท