นาทีทองเก็บ MINT พี/อี ต่ำกลุ่ม-อัพไซด์พุ่งปรี๊ด! รับธุรกิจสดใส

MINT วิ่งฉิว 3 วันติด วอลุ่มแน่นเอี๊ยด ลุ้นกำไร Q1/59 โตแจ่ม รับธุกิจโรงแรมและอาหารฟื้นตัว - ครม.เคาะขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมขอ VISA คาดส่งผลดีต่อธุรกิจ โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ "ซื้อ" อัพเป้าสูงปรี๊ด!


MINT วิ่งฉิว 3 วันติด วอลุ่มแน่นเอี๊ยด ลุ้นกำไร Q1/59 โตแจ่ม รับธุกิจโรงแรมและอาหารฟื้นตัว – ครม.เคาะขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมขอ VISA คาดส่งผลดีต่อธุรกิจ โบรกฯ ประสานเสียงเชียร์ “ซื้อ” อัพเป้าสูงปรี๊ด! 

ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์ ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (8 ก.พ.) โดยปิดที่ 36.00 บาท ปรับตัวขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.60% ด้านมูลค่าซื้อขาย 1.29 พันล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 34.50 บาท ณ วันที่ 6 ก.พ.60

ด้าน P/E ยังต่ำกว่ากลุ่มและต่ำกว่าตลาด โดยล่าสุด ณ วันที่ 7 ก.พ.60 P/E อยู่ที่ 17.58 เท่า ขณะที่ P/E กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม อยู่ที่ 21.11 เท่า ส่วน P/E ตลาด (SET) อยู่ที่ 19.37 เท่า นอกจากนี้ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่นักวิเคราะห์ให้ที่ 50 บาท อยู่ 38.89%

สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่าได้รับอานิสงส์จากครม.ที่มีมติขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่านักท่องเที่ยวต่างชาติ 21 ประเทศ ไปอีก 6 เดือน ซึ่งจะส่งผลให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามายังประเทศไทยมากขึ้น ขณะที่คาดว่าในช่วงไตรมาส 1/60 ผลประกอบการจะกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งเนื่องจากธุรกิจโรงแรมและอาหารฟื้นตัว

โดยเมื่อวันที่ 7 ก.พ.60 พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ขยายเวลายกเว้นค่าธรรมเนียมการขอวีซ่าของนักท่องเที่ยวต่างชาติอีก 6 เดือน เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติ ซึ่งเสนอโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งเห็นว่าการดำเนินการมาตรการนี้ในช่วงที่ผ่านมาเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ต้นเดือนธ.ค.59 – 28 ก.พ.60 ช่วยดึงดูดให้ชาวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยมากขึ้น โดยเพิ่มขึ้น 12.40% สิ่งที่รัฐบาลจะได้กลับมาคือภาษีจากการใช้จ่าย

MINT

 

ทั้งนี้นักวิเคราะห์ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อหุ้น MINT ด้วยราคาเป้าหมาย 50 บาท/หุ้น แม้มองว่าระยะสั้นจะได้รับปัจจัยกดดันจากผลการดำเนินงานในไตรมาส 4/59 ที่ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในประเทศได้รับผลกระทบจากช่วงไว้อาลัย โดยในส่วนธุรกิจโรงแรมมีรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตได้เพียงเล็กน้อย ซึ่งไม่สามารถชดเชยธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศทั้งมัลดีฟส์และ Tivoli ที่ยังไม่ฟื้นตัว รวมถึงเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของ Tivoli ด้วย จึงคาด RevPar รวมของพอร์ตจะลดลงจากปีก่อน

ส่วนธุรกิจอาหารนั้นคาดว่ารายได้ต่อสาขาเดิม (SSS) พลิกกลับมาเป็นลบ นอกจากนี้ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังไม่มีรายได้จากการโอน Anantara Layan แต่มีเพียงการโอนคอนโดมิเนียมที่เชียงใหม่ และ The Maputo แต่เป็นขนาดเล็กไม่สามารถชดเชยได้

แต่คาดว่าผลประกอบการของ MINT ในไตรมาส 1/60 จะกลับมาเติบโตได้ทั้งช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อน ตามการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารหลังจากหมดผลกระทบช่วงไว้อาลัย และสามารถรับรู้รายได้จาก Anantara Layan ได้สูงกว่าในไตรมาส 1/59 ที่ผ่านมา รวมถึงคาดในปี 60 ผลประกอบการจะยังเติบโตได้จากปี 59 โดยคาดทั้งธุรกิจโรงแรม และร้านอาหาร จะมีผลประกอบการที่เติบโตได้ดีกว่าในปีก่อน

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อหุ้น MINT ด้วยราคาเป้าหมาย 48 บาท/หุ้น และขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับประมาณการ โดยมองว่าผลประกอบการในไตรมาส 1/60 น่าจะดีขึ้นจากการฟื้นตัวของธุรกิจโรงแรม และธุรกิจอาหาร ส่วนในไตรมาส 2/60-4/60 ก็น่าจะกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้ เนื่องจากยอดจองนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมา และธุรกิจโรงแรมในต่างประเทศก็ฟื้นตัวดีขึ้น อย่างที่มัลดีฟก็กลับมาดีขึ้น และโรงแรม Tivoli ในปี 59 มีการปรับปรุง ขณะนี้ได้เสร็จเรียบร้อยแล้ว ทำให้สามารถกลับมาดำเนินการได้เป็นปกติ รายได้ก็น่าจะกลับเข้ามา

พร้อมคาดการณ์กำไรสุทธิปี 60 ไว้ที่ 6.52 พันล้านบาท ลดลงจากปี 59 ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิ 7.24 พันล้านบาท เนื่องจากมีรายการพิเศษจากกำไรจากการลงทุนใน Tivoli ส่วนปี 58 ก็มีกำไรสุทธิ 7.04 พันล้านบาท ซึ่งก็มีรายการพิเศษเข้ามาด้วย

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ระบุในบทวิเคราะห์ โดยแนะนำซื้อหุ้น MINT ด้วยราคาเป้าหมาย 43 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรของ MINT จะฟื้นตัวในไตรมาส 1/60 โดยที่ปัจจัยขับเคลื่อนกำไรปี 60 ได้แก่ การปรับปรุงโรงแรม Tivoli และธุรกิจโครงการพักผ่อนแบบปันส่วนเวลาของกลุ่มอนันตรา (AVC) ที่ดีขึ้น

ทั้งนี้ แนวโน้มในไตรมาส 1/60 ดูสดใส เนื่องจากผู้บริหารส่งสัญญาณว่ายอดจองห้องพักล่วงหน้าเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในเดือน ม.ค.และยอดขายสาขาเดิม ในประเทศไทยดีดตัวกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งในเดือน ม.ค.และคาดว่าจะขายบ้านในโครงการ The Residence by Anantara ได้อีก 2-3 หลังในไตรมาส 1/60

 

ด้านนักวิเคราะห์ บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราห์ โดยแนะนำซื้อ หุ้น MINT ด้วยราคาเป้าหมาย 41 บาท/หุ้น มองการฟื้นตัวของธุรกิจในระยะสั้นจะมาจากธุรกิจโรงแรมในกรุงเทพฯ และมัลดีฟ ตามมาด้วยธุรกิจโรงแรมในออสเตรเลียและโปรตุเกส ซึ่งเป็นผลจากอุปทานที่จำกัดและการเคลื่อนไหวของค่าเงิน โดยราคาหุ้นที่ปรับตัวลงมากกว่า 10% ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาได้สะท้อนปัจจัยลบไปมากแล้ว

โดยสินทรัพย์โรงแรมมีแนวโน้มดีขึ้นในปี 60 โดยธุรกิจในโปรตุเกส แบรนด์ Tivoli เริ่มส่งสัญญาณเชิงบวกจากราคาต่อคืนและอัตราการเข้าพักที่สูงขึ้นหลังจากมีการปรับปรุง ส่วนโรงแรมในมัลดีฟน่าจะทรงตัวหลังอุปทานมีแนวโน้มชะลอตัวลง นอกจากนี้ค่าเงินบาทต่อออสเตรเลียดอลลาร์ที่อ่อนตัวลง ทำให้รายได้ในสกุลเงินบาทของธุรกิจในออสเตรเลียเพิ่มสูงขึ้น และที่สำคัญคาดว่าธุรกิจที่อยู่อาศัยและบ้านพักตากอากาศน่าจะปรับตัวดีขึ้นทั้งการเข้าพักและราคาที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่วนธุรกิจอาหารจานด่วนทรงตัวในปีนี้

นอกจากนี้ MINT ยังคงตั้งแผนรองรับการเติบโตในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยเงินลงทุน 4 หมื่นล้านบาท และตั้งเป้าที่จะครอบครองโรงแรมจำนวน 250 แห่งภายในปี 64 เพิ่มขึ้น 67% จากปี 59, ที่อยู่อาศัยจำนวน 300 แห่ง เพิ่มขึ้น 131% จากปี 59 , ร้านอาหารจำนวน 3,400 ร้าน เพิ่มขึ้น 70% จากปี 59 และห้างค้าปลีก จำนวน 500 แห่ง เพิ่มขึ้น 53% จากปี 59 

Back to top button