ETE โชว์ของดีเต็มเปี่ยม! ลุ้นเทรดวันแรกทะลุ 5.33 บ.
ETE โชว์ของดีเต็มเปี่ยม! ลุ้นเทรดวันแรกทะลุ 5.33 บ. จากราคา IPO ที่ 4.20 บาท อวดพื้นฐานแน่น พร้อมสยายปีกธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง
ETE ลุยเทรดวันแรกลุ้นแตะ 5.33 บาท จากราคา IPO ที่ 4.20 บาท อวดพื้นฐานแน่น! พร้อมสยายปีกธุรกิจให้เติบโตอย่างมั่นคง
นายไรวินท์ เลขวรนันท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทบูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) หรือ ETE เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าในการเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ จากการทำงานร่วมกับที่ปรึกษาทางการเงิน แกนนำการจัดจำหน่าย และผู้ร่วมจัดจำหน่ายหุ้น ตั้งแต่การเดินสายให้ข้อมูลจนถึงการจองซื้อที่ผ่านมา ทำให้ได้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อ ETE ซึ่งหลังจากนี้จะถือเป็นหน้าที่ของผู้บริหาร และทีมงานที่จะต้องทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่เพื่อทำให้ธุรกิจของ ETE เติบโตได้อย่างมั่นคง และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน และผู้ถือหุ้นต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้บริษัทดำเนินธุรกิจหลักๆ ใน 3 ลักษณะประกอบไปด้วยธุรกิจให้บริการบริหารจัดการ แบ่งเป็นงานบริหารจัดการบุคลากรและงานบริหารจัดการระบบงานธุรกิจและงานบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ ,ธุรกิจให้บริการงานวิศวกรรม ประกอบด้วยงานวิศวกรรมระบบไฟฟ้าและงานวิศวกรรมระบบโทรคมนาคม และธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์
สำหรับธุรกิจพลังงานทดแทนนั้น บริษัทมีโครงการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการ และสหกรณ์ภาคการเกษตร จำนวน 4 โครงการ กำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 16.47 เมกะวัตต์ ได้แก่ 1.สหกรณ์การเกษตรเมืองตราด จำกัด อ.เมือง จ.ตราด กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 2.สหกรณ์การเกษตรวัฒนานคร จำกัด อ.วัฒนานคร จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 3.สหกรณ์การเกษตรบางสะพานน้อย จำกัด อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ กำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ 4.สหกรณ์การเกษตรนิคมฯ คลองน้ำใส จำกัด อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว กำลังการผลิต 1.47 เมกะวัตต์
“ทั้ง 4 โครงการดำเนินการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ หรือ COD เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่เดือนธันวาคม 2559 และเริ่มรับรู้รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทนตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 เป็นต้นไป โดยมีอายุของสัญญาซื้อขายไฟ 25 ปี”นายไรวินท์ กล่าว
ทั้งนี้ ETE มีบริษัทย่อยอีก 2 บริษัท ได้แก่ บริษัท อีทีอี เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ ETEM มีทุนจดทะเบียน 80 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริการบริหารจัดการ และธุรกิจพลังงานทดแทนจากพลังงานแสงอาทิตย์ ซึ่งบริษัทถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 99.27 และบริษัท ไทย สปีดี้เมเนจเมนท์ จำกัด หรือ TSDM มีทุนจดทะเบียน 30 ล้านบาท ดำเนินธุรกิจบริหารจัดการรถเช่าพร้อมพนักงานขับรถ
ขณะที่ นายวรชาติ ทวยเจริญ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน (FA) ของ ETE เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจและมีความพร้อมในทุกด้านสำหรับการเข้าซื้อขายหลักทรัพย์วันแรกในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ของ ETE ในวันที่ 15 ก.พ.60 เนื่องจากที่ผ่านมา ETE ได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากนักลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุน (โรดโชว์) 6 จังหวัดมีนักลงทุนสนใจฟังข้อมูลเป็นจำนวนมาก รวมถึงหลังจากการเปิดจองซื้อหุ้น IPO ของ ETE เมื่อวันที่ 7-9 ก.พ.นักลงทุนทั่วประเทศให้ความสนใจจองซื้อหุ้นเป็นจำนวนมาก ด้วยความมั่นใจในพื้นฐานธุรกิจแข็งแกร่ง และมีแผนขยายธุรกิจชัดเจน ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจของ ETE เป็นธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตได้สูงในอนาคต
“หลังจากกระบวนการต่างๆ ในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ของ ETE ผ่านไปด้วยดี สะท้อนให้เห็นว่า ETE จะเป็นหุ้น IPO อีกตัวหนึ่งที่มีความน่าสนใจ จากพื้นฐานธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และทั้ง 3 ธุรกิจของ ETE มีโอกาสในการขยายตัวที่สูงในอนาคต ไม่ว่าจะเป็นธุรกิจการให้บริการงานระบบ Outsourcing และการให้บริการงานวิศวกรรม รวมถึงธุรกิจพลังงานทดแทนซึ่งปัจจัยเหล่านี้สนับสนุนให้ ETE มีความโดดเด่น และมีแนวโน้มในการเติบโตที่ดีในอนาคต” นายวรชาติ กล่าว
ด้าน นายโชษิต เดชวนิชยนุมัติ กรรมการผู้จัดการ สายวาณิชธนกิจ 1 บริษัทหลักทรัพย์แอพเพิล เวลธ์ จำกัด หรือ บล.แอพเพิล เวลธ์ ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น เชื่อมั่นว่า ETE จะได้รับการตอบรับที่ดีจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในการเข้าซื้อขายวันแรก ETE จะสามารถยืนเหนือราคาจองซื้อที่ 4.20 บาท เพราะจากการเสนอขายหุ้นสามารถกระจายหุ้นไปยังนักลงทุนทั่วประเทศได้อย่างทั่วถึง และมีประสิทธิภาพ
“เราเชื่อมั่นในพื้นฐาน และการเติบโตของ ETE และด้วยการกำหนดราคาที่เหมาะสม ประกอบกับความต้องการของนักลงทุนในช่วงของการจองซื้อที่ผ่านมาซึ่งมากกว่าจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ทำให้คาดว่า ETE จะยังคงได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างต่อเนื่องหลังจากเข้าทำการซื้อขายเป็นวันแรกแล้ว” นายโชษิตกล่าว
ส่วน นายชยันต์ อัคราทิตย์ กรรมการบริหารบริษัทหลักทรัพย์เอเชีย เวลท์ จำกัด หรือ บล.เอเชีย เวลท์ ในฐานะผู้จัดการร่วมในการจัดจำหน่าย และรับประกันการจัดจำหน่ายหุ้น ETE เปิดเผยว่า ความต้องการจองซื้อหุ้นจากนักลงทุนมากกว่าจำนวนที่เสนอขาย 140 ล้านหุ้นสะท้อนความต้องการ และการตอบรับที่ดีจากนักลงทุน ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่นักลงทุนพลาดโอกาสไม่ได้รับการจัดสรรหุ้น จะสามารถเข้าลงทุนหลังจาก ETE เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ วันแรกแล้ว เนื่องจากหลังการระดมทุน ETE จะมีพื้นฐานทางการเงินแข็งแกร่งขึ้น ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตให้กับ ETE ในอนาคต
สำหรับผลประกอบการของบริษัทปี 58 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 62.18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 288% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 16.01 ล้านบาท ขณะที่ ผลประกอบการงวดไตรมาส 3/59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.17 ล้านบาท หรือลดลง 74% จากงวดเดียวกันของปีมีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 24.18 ล้านบาท ด้าน 9 เดือนแรกของปี 59 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 19.28 ล้านบาท หรือลดลง 72% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรอยู่ที่ 68.07 ล้านบาท
โดยบริษัทบูรพา เทคนิคอล เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) ใช้ชื่อย่อหลักทรัพย์ ETE เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ในกลุ่มอุตสาหกรรมบริการ โดยกำหนดวันที่เป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนและวันที่เริ่มทำการซื้อขายในวันที่ 15 ก.พ.60 มีจำนวนหุ้นจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์ฯ จำนวน 560 ล้านหุ้น หุ้นชำระแล้ว 560 ล้านหุ้น พาร์หุ้นละ 0.50 บาท มีทุนชำระแล้ว 280 ล้านบาท โดยมีจำนวนที่เสนอขายหุ้นให้กับประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 140 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4.20 บาท
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวรายหนึ่ง เปิดเผยกับ “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ว่า ราคาหุ้น ETE เข้าซื้อขายในวันแรก (14 ก.พ.) มีแนวโน้มราคาปรับตัวขึ้นถึง 5.33 บาท จากราคา IPO ที่ 4.20 บาท โดยคำนวณจากค่า P/E ที่ระดับ 80 เท่า และกำไรต่อหุ้นที่ 0.066 บาท ทั้งนี้มองว่า ETE เป็นหุ้น IPO ที่มีขนาดใหญ่ จึงคาดว่าราคาเปิดตลาดจะปรับตัวขึ้นได้ยากกว่าหุ้นขนาดเล็ก