MSCI เพิ่มน้ำหนัก “BANPU” จ่อประกาศกำไร Q4 สุดหรู!
BANPU จ่อประกาศงบ Q4/59 ทำนิวไฮรอบปี รับผลบวกราคาถ่านหินฟื้นตัว - กำไรโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสาเพิ่มขึ้น ขณะที่ MSCI Rebalance ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน มีผล 28 ก.พ.นี้
BANPU เตรียมรับเม็ดเงินต่างชาติหลัง MSCI เพิ่มน้ำหนักลงทุน จ่อประกาศงบ Q4/59 ทำนิวไฮ รับผลบวกราคาถ่านหินฟื้นตัว – กำไรโรงไฟฟ้าบีแอลซีพีและโรงไฟฟ้าหงสาเพิ่ม 5 โบรกฯ แนะ “ซื้อ” เป้า 23.6 บ.
“ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการสำรวจข้อมูลบทวิเคราะห์ของบริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU หลังจากราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงเมื่อวานนี้ (15 ก.พ.) โดยปิดที่ 19.60 บาท ปรับตัวขึ้น 0.40 บาท หรือ 2.08% ด้านมูลค่าซื้อขาย 2.21 พันล้านบาท โดยเป็นการปรับตัวขึ้นเป็นวันที่ 3 ติดต่อกัน นับตั้งแต่ราคาหุ้นอยู่ที่ระดับ 18.90 บาท ณ วันที่ 10 ก.พ.60 ขณะที่ราคาหุ้นยังมีอัพไซด์ 20.41% จากราคาเป้าหมายสูงสุดที่ 23.6 บาท
สำหรับปัจจัยที่ส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นแรงนั้น คาดว่าได้รับอานิสงส์จากการที่ MSCI Rebalance ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุน ซึ่งจะส่งผลให้มีเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า ขณะที่ได้รับประเด็นบวกจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นและกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี-โรงไฟฟ้าหงสาที่เพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้กำไรในช่วงไตรมาส 4/59 โตโดดเด่น อีกทั้งขณะที่คาดว่าในช่วงไตรมาส 1/60 ผลประกอบการจะเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ จากปริมาณถ่านหินในตลาดที่ลดลง หลังจีนมีนโยบายควบคุมการผลิตถ่านหินในประเทศเพื่อควบคุมมลพิษ
ทั้งนี้ บล.โนมูระ พัฒนสิน ระบุในบทวิเคราะห์ว่า MSCI Rebalance ได้ปรับเพิ่มน้ำหนักหุ้น BANPU ซึ่งคาดว่าจะกระตุ้น Fund Flow ไหลเข้า โดยจะมีผลวันที่ 28 ก.พ. 2560
โดย นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุนบริษัทหลักทรัพย์โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า MSCI Rebalance เพิ่มน้ำหนักให้หุ้น BANPU โดยเพิ่มน้ำหนักเป็น 1.3% จากเดิม 0.89% ด้านมาร์เก็ตแคปอยู่ที่อันดับ 46 ของตลาดหุ้นไทย
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BANPU ราคาเป้า 23.60 บาท/หุ้น โดยคาดว่ากำไรสุทธิไม่รวมรายการพิเศษของ BANPU ในช่วงไตรมาส 4/59 จะเป็นจุดสูงสุดของปี 59 หนุนโดยราคาถ่านหินที่ฟื้นตัว และกำไรจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี และโรงไฟฟ้าหงสาที่เพิ่มขึ้นราว 300 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มผลการดำเนินงานในปีนี้ ยังจะฟื้นตัวโดดเด่นตามราคาถ่านหิน ที่ได้รับอานิสงส์นโยบายจีนที่ควบคุมการผลิตถ่านหินภายในประเทศ
ขณะที่ประเมินกำไรและมูลค่าพื้นฐานส่วนเพิ่มจากการเข้าลงทุนในแหล่ง shale gas ในสหรัฐรวม 2 แหล่ง ได้แก่ แหล่ง Chaffee Corners และแหล่ง Marcellus Shale ที่ประมาณ 121 ล้านบาท/ปี และ 1.14 บาท/หุ้นตามลำดับ ขณะที่ผู้บริหารของ BANPU คาดว่าการเข้าลงทุนทั้ง 2 แหล่งดังกล่าวจะรับรู้กำไรตั้งแต่ปี 60 เป็นต้นไป
ด้านนักวิเคราะห์ บล.กสิกรไทย ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BANPU ราคาเป้า 23.10 บาท/หุ้น โดยจะประกาศกำไรสุทธิไตรมาส 4/59 ที่ 854 ล้านบาท เพิ่มกว่า 11 เท่าจากไตรมาส 3/59 และพลิกกลับจากขาดทุนกว่า 1.48 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินของ BANPU ที่ปรับตัวดีขึ้น 12% จากไตรมาสก่อน และงวดปีก่อน มาที่ระดับ 56.7 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามราคาขายถ่านหินเฉลี่ยของเหมืองในอินโดนีเซียที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 17% ขณะที่ปริมาณขายถ่านหินรวมคาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 10.7 ล้านตัน
นอกจากนี้ยังคาดว่า BANPU จะมีการบันทึกกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินบาทอ่อนค่าจำนวน 411 ล้านบาท แต่อย่างไรก็ตาม ผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นจากธุรกิจถ่านหิน ถูกชดเชยบางส่วนจากผลการดำเนินงานที่ลดลงของธุรกิจไฟฟ้า เนื่องจากโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี หยุดซ่อมบำรุงในไตรมาส 4 หลังจากจ่ายไฟฟ้าครบตามจำนวนตามสัญญาเป็นปกติ
สำหรับผลการดำเนินงานของ BANPU น่าจะปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 1/60 เนื่องจากราคาขายเฉลี่ยถ่านหินน่าจะปรับตัวเพิ่มอีก 12-18% เป็น 70-75 เหรียญสหรัฐ/ตัน ประกอบกับโรงไฟฟ้าบีแอลซีพี กลับมาดำเนินงานตามปกติ
ด้านนักวิเคราะห์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BANPU ราคาเป้า 23 บาท/หุ้น ปัจจัยพื้นฐานของ BANPU ค่อนข้างดีจากราคาถ่านหินที่ฟื้นตัวขึ้น โดยประเมินกำไรในไตรมาส 4/59 ที่กว่า 600 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากระดับ 70 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 และพลิกจากที่ขาดทุนสุทธิในช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลหลักจากราคาถ่านหินที่ปรับตัวขึ้นมาก โดยราคาถ่านหินจากเหมืองในอินโดนีเซีย ปรับขึ้นราว 20% ซึ่งเป็นระดับที่ BANPU ทำกำไรได้ค่อนข้างดี ผนวกกับในไตรมาสนี้จะมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนช่วยหนุนผลการดำเนินงาน
สำหรับในปีนี้ BANPU จะยังได้รับประโยชน์ต่อเนื่องจากราคาถ่านหินที่ปรับขึ้น จากปริมาณถ่านหินในตลาดที่ลดลง หลังจีนมีนโยบายควบคุมการผลิตถ่านหินในประเทศเพื่อควบคุมมลพิษ และความต้องการใช้ในภูมิภาคมีมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ โดยประเมินราคาถ่านหินเฉลี่ยของตลาดในปีนี้ที่ราว 80-90 เหรียญสหรัฐ/ตัน
ขณะที่ BANPU ทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าไว้แล้วราว 40% ทำให้คาดว่าราคาขายถ่านหินของ BANPU ในปีนี้จะอยู่ที่กว่า 60 เหรียญสหรัฐ/ตัน จากระดับกว่า 40 เหรียญสหรัฐ/ตันในปีที่แล้ว ซึ่งจะทำให้ธุรกิจถ่านหินในปีนี้กลับมาทำกำไรจากที่ขาดทุนในปีที่แล้ว ขณะที่ธุรกิจโรงไฟฟ้ายังมีผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่อง ก็จะช่วยหนุนให้กำไรสุทธิของ BANPU ในปีนี้เพิ่มขึ้นมากเป็นกว่า 5 พันล้านบาท จากราว 800-900 ล้านบาทในปีที่แล้ว
ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ “ซื้อ” BANPU ราคาเป้า 23 บาท/หุ้น โดยผลการดำเนินงานของ BANPU ในปีนี้จะฟื้นตัวขึ้นจากราคาถ่านหินที่สูงขึ้นตามทิศทางของราคาน้ำมัน อีกทั้งยังได้รับอานิสงส์จากการที่จีนควบคุมการผลิตถ่านหินซึ่งมีผลต่อปริมาณถ่านหินที่ออกสู่ตลาดไม่มากนัก รวมถึงยังได้ปัจจัยเสริมจากการดำเนินธุรกิจไฟฟ้าที่ดีต่อเนื่อง ช่วยหนุนกำไรในปีนี้ ส่วนการเข้าลงทุนในธุรกิจ shale gas ในสหรัฐ ไม่ได้ให้น้ำหนักมากนักเพราะสัดส่วนผลการดำเนินงานที่กลับเข้ามาใน BANPU จะยังมีไม่มากนัก
ด้านนักวิเคราะห์ บล.บัวหลวง ระบุในบทวิเคราะห์ แนะนำ ” ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 23 บาท/หุ้น โดยคาดไตรมาส 4/59 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดสำหรับปี 2559 กำไรหลังหักภาษีสำหรับไตรมาส 4/59 คาดอยู่ที่ 888 ล้านบาท พลิกกลับจากติดลบที่ 1,477 ล้านบาทในไตรมาส 4/58 และเพิ่มขึ้นจากกำไร 70 ล้านบาทในไตรมาส 3/59 ปัจจัยหลักที่หนุนไตรมาสนี้ คือ ราคาถ่านหินในปัจจุบันที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปลายเดือนก.ย. ในขณะที่ปริมาณยอดขายยังคงปรับตัวสูงขึ้น
นอกจากนี้คาดราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส 4/59 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาสก่อนและ 2% จากปีก่อนเนื่องจากมีสัญญาของบริษัทบางส่วนที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามทิศทางราคาถ่านหินที่สูงขึ้น นอกจากนี้การดำเนินงานในโรงไฟฟ้าหงสา (โรงไฟฟ้า IPP ขนาด 1,878 เมกะวัตต์ บริษัทถือ 40%) และ BLCP (โรงไฟฟ้า IPP ขนาด1,340 เมกะวัตต์ บริษัทถือ 50%) ที่ดีขึ้น จากการหยุดซ่อมบำรุงโรงงานในไตรมาส3/59 น่าจะหนุนกำไรจากธุรกิจพลังงานที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจากไตรมาสก่อนและจากปีก่อน
ขณะเดียวกันราคาถ่านหินที่สูงขึ้นทำให้เชื่อว่ากำไรไตรมาส1/60 น่าจะยังคงดีต่อเนื่องมาตั้งแต่ไตรมาส 4/59 เนื่องจากราคาถ่านหินของ NEWC Index ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันเฉลี่ยอยู่ที่ 85 เหรียญสหรัฐต่อตัน เทียบกับ 51 เหรียญสหรัฐต่อตันในไตรมาส 1/59 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้น 67% จากปีก่อนซึ่งหากมองว่าราคาขายเฉลี่ยของ BANPU เคลื่อนไหวใกล้เคียงกับทิศทางของราคาถ่านหิน
โดยราคาขายเฉลี่ยในไตรมาส1/60 ของ ITMG BU คาดว่าจะอยู่ที่ 51 เหรียญสหรัฐต่อตัน ลดลง 6% จากไตรมาสก่อนแต่เพิ่มขึ้น 5% จากปีก่อนนอกจากนี้การดำเนินงานของ BPP คาดว่ายังคงน่าสนใจในไตรมาส1/60 ท่ามกลางอุปสงค์การใช้ไฟฟ้าที่สูงตามฤดูกาลในประเทศจีนและการดำเนินงานในโรงไฟฟ้าหงสาที่ดีขึ้นตั้งแต่ไตรมาส4/59 ส่งผลให้เราคาดกำไรไตรมาส1/60 จะอยู่ที่ 1,623 ล้านบาท พลิกจากแดนลบที่ 184 ล้านบาทในไตรมาส1/59 และ สูงกว่าตัวเลขในไตรมาส 4/59