ช็อปด่วน! 6 หุ้น งบฯหรู-ปันผลสูง แถมฐานราคายังต่ำ
ช็อปด่วน! 6 หุ้น งบฯหรู-ปันผลสูง แถมฐานราคายังต่ำ นำทีมเด่น ANAN,NYT,IRPC,TWPC,JWD,TPIPL
ช็อปยัง! 6 หุ้น งบฯดี-ปันผลสูง แถมฐานราคาต่ำ นำทีมเด่น ANAN,NYT,IRPC,TWPC,JWD,TPIPL
ช่วงนี้ตลาดหุ้นไทยเริ่มแกว่งอยู่ในกรอบและยังไม่สามารถขึ้นผ่านแนวต้านจิตวิทยาที่ระดับ 1600 จุดไปได้ ประกอบกับราคาน้ำมัน WTI แกว่งตัวค่อนข้างนิ่งมากด้วยแถว 52-54 ดอลลาร์ฯ/บาร์เรล ทำให้ตลาดหุ้นไทยช่วงครึ่งหลังเดือนก.พ.ยังแกว่งแบบไซด์เวย์ในกรอบและรอปัจจัยชี้นำใหม่ โดยเฉพาะการประกาศผลประกอบการ และแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของทรัมป์จะมีความชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ดังนั้นเพื่อรอให้ปัจจัยดังกล่าวชัดเจนมากขึ้น “ข่าวหุ้นหุ้นธุรกิจออนไลน์” ได้ทำการรวบรวมกลยุทธ์การลงทุนจากบทวิเคราะห์มานำเสนอเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศดังกล่าวโดยอาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์ บล.ทิสโก้ ระบุดังนี้
TISCO Economics Strategy Unit (TISCO ESU) คาด GDP ไตรมาส 4/59 ที่สภาพัฒน์จะประกาศในวันที่ 20 ก.พ. นี้ จะขยายตัว 3.5% และหนุนให้ทั้งปี 59 เติบโต 3.4% ซึ่งขยายตัวสูงกว่าปี 58 ที่เติบโตเพียง 2.8% และดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่โต 3.2% ยังคงมุมมองเดิมว่าตลาดมีแนวโน้มปรับประมาณการ GDP ปีนี้ดีขึ้นจากปัจจุบันที่คาดการณ์ไว้ที่โต 3.2% (vs เราคาดโต 3.6%) ซึ่งจะมีความสอดคล้องกับ
(1) สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ที่มีการปรับเพิ่มประมาณการ GDP ปี 60 ขึ้นจากคาดการณ์เดิม 3.4% เป็น 3.6% ในช่วงสิ้นเดือนที่ผ่านมา และ (2) การประชุมธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ล่าสุดเมื่อวันที่ 8 ก.พ. ที่ประเมินแนวโน้มเศรษฐกิจไทยฟื้นตัวดีขึ้นกว่าการประเมินครั้งก่อนเมื่อเดือน ธ.ค. ที่ ธปท.มีการคาดการณ์ GDP ปี 17F ไว้ที่โต 3.2%
สำหรับการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน (บจ.) จนถึงวันที่ 15 ก.พ. มีกำไรโดยรวมเป็นไปตามตลาดคาด (% Surprise = +3%) โดยหุ้นที่มีกำไรดีกว่าคาด คือ BTS, STEC, SPRC, TOP, INTUCH และ TASCO (เรียงลำดับจาก % Surprise เป็นบวกมากไปหาน้อย คือ +42%, +33%, +31%, +26%, +24% และ +20% ตามลำดับ)
ขณะที่หุ้นที่มีกำไรแย่กว่าคาด คือ CIMBT, DTAC, EPG, THCOM, PTTEP และ BCPG (เรียงลำดับจาก % Surprise เป็นลบมากไปหาน้อย คือ -153%,-29%,-19%,-19%,-14% และ -7% ตามลำดับ) ด้วยการประกาศผลประกอบการโดยรวมยังเป็นไปตามคาด และประมาณการเศรษฐกิจไทยมีโอกาสปรับขึ้น
โดยยังคงมุมมองประมาณการกำไรบจ.ปี 60-61 มีโอกาสปรับขึ้นอยู่ (หลังจากที่ผ่านพ้นจุดต่ำมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/59) แต่จะปรับขึ้นมากหรือน้อยนับจากนี้จะขึ้นอยู่กับข้อมูลเศรษฐกิจเดือน ม.ค. และการทยอยประกาศผลประกอบการของหุ้นตัวอื่น ๆ ที่เหลือในช่วงครึ่งหลังของเดือนนี้ ดังนั้นตลาดหุ้นไทยช่วงหลังเดือนนี้ยังแกว่งแบบไซด์เวย์ในกรอบจนกว่าการประกาศผลประกอบการและแผนกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ของทรัมป์จะมีความชัดเจนในช่วง 2-3 สัปดาห์ข้างหน้านี้
ดังนั้นแม้ตลาดหุ้นไทยยังมีแนวโน้มแกว่งซิกแซกขึ้นในช่วงเดือน 1-3 เดือนข้างหน้า จาก (1) แนวโน้มการปรับขึ้นของประมาณการเศรษฐกิจและกำไรของบจ. และ (2) เป็นช่วงฤดูกาลที่ SET Index มักเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดี แต่ขณะเดียวกันก็มองกรอบการแกว่งขึ้นเป็นไปอย่างจำกัดเช่นกัน ซึ่งอิงมาจากกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ในอดีต และระดับการประเมินมูลค่าหุ้นไทยในปัจจุบันที่ค่อนข้างแพง โดยคิดเป็น Fwd. PER ปี 17F ที่ 14.8 เท่า ซึ่งยังมองไม่เห็นปัจจัยที่จะกระตุ้นให้นักลงทุนในตลาดยอมรับระดับการประเมินมูลค่าที่สูงขึ้น (Re-rating)
สำหรับกลยุทธ์การลงทุนระยะสั้นยังใช้ความผันผวนของตลาด หาจังหวะสะสมหุ้นเป็นรายตัว (Selective Buy) เน้นหุ้นที่คาดว่า งบฯดี-มีปันผลสูง ชอบ ANAN, NYT, IRPC, TWPC รวมทั้งหุ้นที่แนวโน้มกำไรฟื้นตัวโดดเด่นในปีนี้ แต่ฐานราคายังอยู่ในระดับต่ำ JWD, TPIPL
สำหรับบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ ANAN เป็นหุ้นที่คาดว่างบการเงินจะออกมาดีแถมมีปันผลสูงโดยบล.ทรีนีตี้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า บริษัทมีอัตราการเติบโตของรายได้และกำไรที่น่าสนใจ เนื่องจากปี 2559-2561 จะเป็นปีแห่งการเก็บเกี่ยวรายได้จากการเปิดตัวโครงการในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ ANAN จะมีอัตราการเติบโตที่แซงหน้ากลุ่ม
โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 5.98 บาท จากการอิงค่า EPS ของปี 2560F ที่ 0.63 บาท/หุ้น และค่าเฉลี่ย P/E ตั้งแต่ ANAN เริ่มเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในเดือน ธ.ค. 2555 ที่ 9.5X ซึ่งเป็นระดับที่ใกล้เคียงกับตอนเริ่ม เทรดในตลาดที่ 9.6X ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยอุตสาหกรรมเล็กน้อย
ส่วนบริษัท นามยง เทอร์มินัล จำกัด (มหาชน) หรือ NYT เป็นหุ้นที่คาดว่างบการเงินจะออกมาดีแถมมีปันผลสูง อย่างไรก็ตามหากดูจากงบการเงินนับตั้งแต่ปี 56-ปัจจุบันบริษัทมีกำไรอย่างต่อเนื่องชัดเจนปี 56 มีกำไรสุทธิ 379.87 ล้านบาท ปี 57 มีกำไรสุทธิ 404.23 ล้านบาท ปี 58 มีกำไรสุทธิ 44.59 ล้านบาท และงวด 9 เดือนปี 59 มีกำไรสุทธิ 305.26 ล้านบาท
ส่วนบริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) หรือ IRPC เป็นหุ้นที่งบการเงินจะออกมาดีแถมมีปันผลสูง บล.แอพเพิล เวลธ์ ระบุในบทวิเคราะห์ว่าหากมองข้ามแรงกดดันระยะสั้นจากการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นไป และคาดหวังถึงการฟื้นตัวใน ไตรมาส 2/60 รวมถึงแนวโน้มความสามารถในการทำกำไรที่จะดีขึ้นต่อเนื่องนับจากนี้ ทำให้ยังชอบ IRPC และคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยฝ่ายวิจัยประเมินมูลค่าด้วย PBV ที่ 1.4x ได้ราคาเป้าหมาย 6 บาท พร้อมกับรอรับเงินปันผลจ่ายงวดปี 59 ที่ประกาศออกมา 0.23 บาทต่อหุ้น ขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 27 ก.พ.60 คิดเป็น Dividend Yield สูงราว 4.5%
ด้านบริษัท ไทยวา จำกัด (มหาชน) หรือ TWPC เป็นหุ้นที่คาดว่างบการเงินจะออกมาดีแถมมีปันผลสูง โดยดำเนินธุรกิจ 2 กลุ่มหลักคือ การผลิต ผลิตภัณฑ์มันสำปะหลัง และผลิตภัณฑ์วุ้นเส้นและก๋วยเตี๋ยว เพื่อจัดจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ
นายโฮ เรน ฮวา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เปิดเผยว่า รายได้ในปี 59 จะเติบโตมากกว่าปีก่อนหน้า หลังในช่วงไตรมาส 4/59 ถึงไตรมาส 1/60 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องมาจากเป็นช่วงแห่งการเก็บเกี่ยวของเกษตรกรทำให้โรงงานมีวัตถุดิบจำนวนมากสำหรับการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์แป้งมันสำปะหลังซึ่งถือเป็นรายได้หลักของธุรกิจ
ด้านบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) หรือ JWD ดำเนินธุรกิจให้บริการทางด้านโลจิสติกส์ภายในประเทศ (In-land Logistics) อย่างครบวงจรโดยนักวิเคราะห์มองว่าปีนี้กำไรจะฟื้นตัวโดดเด่น แต่ฐานราคายังอยู่ในระดับต่ำจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า ผลประกอบการ JWD ได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วในปี 59 และคาด Turnaround มีกำไรสุทธิ 221 ล้านบาทในปี 2560 จากหลายปัจจัยบวกคือ 1) การรับรู้รายได้จากคลังสินค้าเคมีใหม่ (JCS) และศูนย์รวมสินค้า (LCL) เข้ามามากขึ้น 2) Throughput ตู้คอนเทนเนอร์สินค้าอันตรายที่เติบโตต่อเนื่อง
โดยยังเห็นโมเมนตัมที่ดีใน 1Q60 3) การเติบโตของธุรกิจบริหารรถยนต์ตามกลยุทธ์เชิงรุกรับงาน on-site มากขึ้น รวมถึงโอกาสต่อยอดเข้าไปบริหารชิ้นส่วนยานยนต์ หลังจัดตั้ง JV กับสยามกลการ และ 4) ถึงแม้ EU จะยังคงสถานะใบเหลืองกรณี IUU Fishing แต่พัฒนาการเชิงบวกของรัฐบาลที่พยายามแก้ไขปัญหา จะทำให้ผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และส่งผลให้การเก็บสต็อกปลาของห้องเย็นฟื้นตัวได้
ปิดท้ายบริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL เป็นหุ้นอีกตัวที่นักวิเคราะห์มองว่าปีนี้กำไรจะฟื้นตัวโดดเด่น แต่ฐานราคายังอยู่ในระดับต่ำจึงเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
นายประเสริฐ อิทธิเฆมินทร์ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโสสายบัญชีและการเงิน เปิดเผยว่า ผลประกอบการปี 60 คาดจะดีกว่าปีก่อน เนื่องจากธุรกิจซิเมนต์ที่เป็นธุรกิจหลักมีแนวโน้มเติบโตที่ดี ตามแผนลงทุนโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ ส่งผลให้ปริมาณการใช้ซิเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น และน่าจะส่งผลเชิงบวกต่อ TPIPL อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ในช่วงต้นปีนี้ TPIPL ได้เริ่มเปิดเดินเครื่องการผลิตโรงปูนที่ 4 ขนาดกำลังผลิต 4.5 ล้านตัน เพื่อรองรับกับดีมานด์ที่จะเพิ่มขึ้น
*ทั้งนี้ข้อมูลที่มีการนำเสนอข้างต้น เป็นเพียงข้อแนะนำจากข้อมูลพื้นฐานเพื่อประกอบการตัดสินใจของนักลงทุนเท่านั้น และมิได้เป็นการชี้นำ หรือเสนอแนะให้ซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ การตัดสินใจซื้อหรือขายหลักทรัพย์ใดๆ ของผู้อ่าน ไม่ว่าจะเกิดจากการอ่านบทความในเอกสารนี้หรือไม่ก็ตาม ล้วนเป็นผลจากการใช้วิจารณญาณของผู้อ่าน