เก็บ 14 หุ้นเด่นเดือนมี.ค.เน้นกำไรพลิกฟื้น-ราคาร่วงแรงเกินพื้นฐาน

เข้าสู่การลงทุนเดือนมีนาคม “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุน โดยเน้นหุ้นที่จ่ายปันผลดี และกำไรพลิกฟื้นในปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีหุ้นที่ราคาหุ้นร่วงแรงไม่สมกับพื้นฐานมานำเสนอ


เข้าสู่การลงทุนเดือนมีนาคม “ข่าวหุ้นธุรกิจออนไลน์” ทำการรวบรวมข้อมูลหุ้นที่น่าลงทุน โดยเน้นหุ้นที่จ่ายปันผลดี และกำไรพลิกฟื้นในปีนี้ ขณะเดียวกันยังมีหุ้นที่ราคาหุ้นร่วงแรงไม่สมกับพื้นฐานมานำเสนอ อาทิ CENTEL, HANA, JWD, MFEC, TPIPL, TWPC, KTB, GLOW, BANPU, MTLS, TASCO, FN, MALEE และ AMATA

นอกจากนี้ยังได้รวบข้อมูลและปัจจัยที่ต้องจับตาในต่างประเทศที่มีผลต่อการลงทุนมานำเสนออีกทาง โดยครั้งนี้อาศัยข้อมูลจากบทวิเคราะห์บล.ทิสโก้ และบล.เคจีไอมานำเสนอไว้ดังนี้

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า หลังจากที่สิ้นสุดฤดูกาลประกาศผลประกอบการปี 59 เมื่อสิ้นเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา มองปัจจัยติดตามในต่างประเทศเดือนนี้จะก่อให้เกิดความผันผวนแก่ตลาดหุ้นไทยได้ง่าย ได้แก่

(1) โอกาสหุ้นสหรัฐฯ เกิดการปรับฐาน ดัชนีหุ้น S&P500 ของสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น 4 เดือนติดต่อกัน รวมกว่า 14% นับตั้งแต่ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง และทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ต่อเนื่องในช่วงปลายเดือน ก.พ. น่าจะสะท้อนความคาดหวังในเชิงบวกจากนโยบายทรัมป์ไปมากพอสมควรแล้ว ขณะที่การประเมินมูลค่าหุ้นสหรัฐฯ ในปัจจุบันอยู่ในระดับสูงมาก โดยคิดเป็น 12m Fwd. PER ที่ 16.3 เท่า vs ค่าเฉลี่ยในอดีต 10 ปีที่ผ่านมา และ +1SD ที่อยู่ที่ 13.3 เท่า และ 15.1 เท่า ตามลำดับ ประกอบกับเครื่องชี้ทางปัจจัยเทคนิคอยู่ในภาวะซื้อมากเกินไปด้วย (Overbought) จึงมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกแรงขายทำกำไรระยะสั้น

(2) การเปิดเผยรายละเอียดแผนการลดภาษีครั้งใหญ่ของทรัมป์ มองมีส่วนที่ต้องติดตามอยู่ 2 ประเด็น ประเด็นแรก คือ แนวคิดการลดภาษีโอนเงินทุน (กำไร) บริษัทสัญชาติอเมริกันในต่างแดนกลับสหรัฐฯ (Repatriation Tax) เพื่อกระตุ้นให้บริษัทที่มีเงินสะสมนอกประเทศ นำเงินทุนกลับมาใช้ในการลงทุนและการจ้างงานภายในประเทศสหรัฐฯ เพิ่มมากขึ้น และประเด็นที่สอง คือ แนวคิดการจัดเก็บภาษีแบบ Border Adjustment Tax ซึ่งจะเป็นการเรียกเก็บภาษีเพิ่มสำหรับสินค้านำเข้า และลดภาษีให้สินค้าส่งออก โดยคาดว่าจะช่วยทำให้ดุลการค้าของสหรัฐฯ ปรับตัวดีขึ้น มีเงินไหลกลับมาในประเทศมากขึ้น โดยทั้ง 2 แนวคิดนี้ อาจส่งผลให้เงินดอลลาร์ฯ แข็งค่าขึ้นเร็ว และส่งผลเชิงลบต่อตลาดหุ้นใน Emerging Markets ได้

(3) การประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) ในวันที่ 14 – 15 มี.ค.นี้ ถึงแม้ไม่คาดว่า FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมครั้งนี้ หลักๆ เนื่องจากเรามอง FED น่าจะอยู่ในโหมด “Wait & See” เพื่อรอความชัดเจนของแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจของทรัมป์ก่อน แต่ในขณะเดียวกันเราก็เชื่อว่า FED จะส่งสัญญาณในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอันใกล้นี้ชัดขึ้น หนุนโอกาสการขึ้นอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินดอลลาร์ฯ ปรับตัวสูงขึ้น

(4) การเมืองในยุโรปจะเริ่มเข้ามามีน้ำหนักต่อตลาดมากขึ้น นอกจากสหราชอาณาจักรจะเริ่มต้นกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) อย่างเป็นทางการภายในสิ้นเดือน มี.ค.นี้แล้ว เนเธอร์แลนด์ ซึ่งเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป จะมีการเลือกตั้งทั่วไปในวันที่ 15 มี.ค. จากผลสำรวจของหลายสำนักบ่งชี้ว่า พรรค Party for Freedom (PVV) ซึ่งมีนโยบายนำเนเธอร์แลนด์ออกจากสหภาพยุโรป มีโอกาสชนะการเลือกตั้งโดยเฉลี่ยกว่า 70% (คาดจะได้ที่นั่งสูงที่สุดเฉลี่ยอยู่ที่ 26 ที่นั่ง จาก ส.ส. ทั้งหมด 150 ที่นั่ง) ความไม่แน่นอนดังกล่าวนี้ อาจสร้างความวิตกกังวลต่อเนื่องไปจนถึงการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส และการเลือกตั้งทั่วไปของเยอรมันที่จะมีขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. – พ.ค. และเดือน ก.ย. ตามลำดับ

อย่างไรก็ดี มองความผันผวนของตลาดหุ้นไทยเดือนนี้ เป็นจังหวะสะสมหุ้นปันผลดี แนะนำ HANA, MFEC, TWPC เพราะนอกจากเป็นหุ้นที่จ่ายปันผลดีแล้ว ยังเป็นหุ้นที่มีแนวโน้มกำไรปีนี้เติบโตดี และการประเมินมูลค่ายังถูกอยู่ด้วย นอกจากนี้ ยังชอบหุ้นที่แนวโน้มกำไรปีนี้ฟื้นตัวโดดเด่น และฐานราคาหุ้นยังอยู่ในระดับต่ำ แนะนำ CENTEL, JWD, TPIPL

โดยสรุป หุ้นที่เราแนะนำในเดือน มี.ค. คือ CENTEL, HANA, JWD, MFEC, TPIPL และ TWPC  ด้านแนวรับและแนวต้านสำคัญของ SET Index เดือนนี้อยู่ที่ 1545 – 50, 1500 – 20 และ 1580 – 85, 1595 – 1600 จุด ตามลำดับ 

 

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า พอร์ตหุ้นของ KGI ลดลง 0.4% เดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งดูไม่ค่อยดีนัก แต่ยังดีกว่า SET ซึ่งลดลง 1.1% จากความไม่แน่นอนของภาพเศรษฐกิจมหภาคของโลก อย่างเช่น นโยบายของนาย Donald Trump ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ ความคาดหมายว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้เดิม และความไม่แน่นอนของปัจจัยการเมืองในยุโรป หุ้นเด่นที่เลือกไว้อย่าง SEAFO และ BCH ลดลงแรง และฉุดผลตอบแทนโดยรวมของพอร์ตหุ้น แต่ในด้านบวก AMATA ซึ่งเป็นหุ้นที่เลือกเข้าพอร์ต แม้จะอยู่นอกเหนือการวิเคราะห์ของเรา ปรับตัวขึ้นค่อนข้างดี โดยได้อานิสงส์จากประเด็น Eastern Economic Corridor (EEC) และสัญญาณการฟื้นตัวของ FDI ขณะที่หุ้น F&B อย่าง TKN ก็ฟื้นตัวในวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากที่ผลประกอบการไตรมาส 4/59 ดีเกินคาดอย่างชัดเจน

มุมมอง SET เดือนมีนาคม : แผนลดภาษีของ Trump อาจจะช่วยหนุนให้ภาวะตลาดฟื้นตัวขึ้นบ้าง แต่ประเด็นการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และความไม่แน่นอนต่อการเมืองในยุโรปจะทำให้อัพไซด์จำกัด

ฝ่ายวิเคราะห์มีมุมมองที่เป็นกลางต่อแนวโน้มตลาดในเดือนมีนาคม หลังจากที่ตลาดเกิด Correction ในเดือนกุมภาพันธ์ไประดับหนึ่งแล้ว เรามองว่า SET อาจจะขยับขึ้นได้ในช่วงครึ่งแรกของเดือน ก่อนที่จะพักตัวในช่วงครึ่งหลัง จากความคาดหวังว่าแผนลดภาษีของ Trump จะช่วยฟื้นภาวะตลาดหุ้นโลกได้ในช่วงสั้นๆ แต่จากนั้นไม่นาน ความกังวลเรื่องการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed และภาวะความไม่แน่นอนทางการเมืองในยุโรปก็จะกลับมากดดันตลาดอีกครั้ง

ในปัจจุบัน ตลาด CME Fed Fund Futures ในสหรัฐชี้ว่านักลงทุนประเมินว่าจะมีการขึ้นดอกเบี้ยอีกรอบในเดือนพฤษภาคม ซึ่งเร็วกว่าประมาณการของเราที่คาดว่าจะขึ้นในเดือนมิถุนายนเล็กน้อย สำหรับในแง่พื้นฐานนั้น พบว่าในสัปดาห์ที่ผ่านมา Consensus มีการปรับลดประมาณการ EPS ปี 2560 ลง 3.9% ซึ่งส่งผลให้ Valuations ของตลาดหุ้นไทยยังค่อนข้างสูงแม้ว่าราคาหุ้นจะปรับลดลงไปบ้างในเดือนที่แล้ว

หุ้นเด่นเดือนมีนาคม : ยังคงเลือกหุ้นแบบ bottom-up เป็นหลักโดยเน้นหุ้นที่จ่ายปันผลดี หุ้นกำไรพลิกฟื้นในปีนี้ และราคาหุ้นร่วงแรงไม่สมกับพื้นฐาน

เนื่องจากมองว่า SET อาจจะยังไซด์เวย์ในเดือนนี้ และอัพไซด์ของตลาดยังจำกัดจากความไม่แน่นอนของปัจจัยภายนอก ดังนั้นจึงยังคงเน้นเลือกหุ้นแบบ Bottom Up มากกว่าหุ้น Big Caps โดยการเลือกหุ้นในเดือนมีนาคมนี้ยึดประเด็นหลักสี่เรื่องด้วยกันได้แก่

1) หุ้นที่จ่ายปันผลดีและราคาไม่แพง (KTB และ GLOW)

2) หุ้นที่กำไรมีแนวโน้มเติบโตแข็งแกร่งในครึ่งแรกของปีนี้ (BANPU, MTLS และ TASCO)

3) หุ้นที่ถูกเทขายหนักแต่พื้นฐานไม่เปลี่ยนแปลง (FN และ MALEE)

4) หุ้นที่จะได้อานิสงส์จากประเด็นเขตเศรษฐกิจในภาคตะวันออก หรือ EEC และวัฏจักรการฟื้นตัวของการลงทุนทางตรง (AMATA) 

Back to top button